27.9.08

เลือกเครื่องชงกาแฟอย่างไรให้เหมาะกับทำเล


มีลูกค้ามากมายที่โทรเข้ามาถามเรื่องของเครื่องชงกาแฟ บางท่านถามราคาเสร็จก็จะบอกว่าแล้วจะเก็บไว้พิจารณา บังเอิญวันก่อนถามลูกค้ากลับไปว่าจะพิจารณาจากเรื่องอะไรบ้าง ท่านก็ตอบว่ายังไม่รู้เหมือนกันดูไปเรื่อยๆ ตามประสบการณ์ส่วนมากก็จะเทียบราคาก่อน โดยอาจจะไม่ทราบว่าในบรรดาเครื่องชงกาแฟ ไม่ว่า 1 หัวชง หรือ 2 หัวชงนั้นมองปราดเดียวอาจจะไม่ทราบความแตกต่างมากนัก (ในที่นี้หมายถึงช่วงราคาที่ใกล้เคียงกัน) บางท่านก็สอบถามฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆของเครื่องถ้าฟังก์ชั่นมากมายก็จะพิจารณาไว้เป็นอันดับต้นๆ
ในความเป็นจริงแล้วการเลือกเครื่องชงกาแฟนั้น จะสามารถเลือกได้จากวัตถุประสงค์การใช้งานของเครื่อง สำหรับบางทำเลเปิดขายกาแฟวันละ 8 ชั่วโมงมีลูกค้ามาชั่วโมงละ 10 คนโดยทยอยกันมาทีละคนรวมทั้งวันมียอดขาย 80 แก้วโดยพฤติกรรมของลูกค้าสำหรับร้านนี้ไม่รีบร้อน ก็สามารถเลือกใช้เครื่อง 1 หัวชงที่มีหม้อต้มตั้งแต่ 1 ลิตรขึ้นไป แต่ถ้าบังเอิญทำเลดังกล่าวมีลูกค้ามากกว่าครึ่งสั่งกาแฟร้อนที่ต้องเป่าโฟมนม เครื่องที่มีหม้อต้มตั้งแต่ 1 ลิตรนี้ก็ไม่เหมาะสมเสียแล้ว เมื่อเทียบกับอีกทำเลหนึ่งที่มีลูกค้ามาเฉพาะช่วงเวลา เช่นเที่ยงวัน หรือบ่ายโมง มีช่วงการขายพร้อมๆกันและทุกคนรีบร้อนมาก เครื่องชงหัวเดียวคงจะไม่พอแน่แม้ว่าจะเลือกใช้หม้อต้มตั้งแต่ 5 ลิตรขึ้นไปก็ตาม หากทำเลท่านเป็นอย่างนี้สมควรที่จะเลือกเครื่อง 2 หัวชงจะเหมาะสมกว่า


สำหรับเครื่องชง Reneka จะมีให้เลือกหลายรุ่นเพื่อความเหมาะสมของทำเลและวัตถุประสงค์ เช่น VivaS Compact มี 1 ท่อเป่านม 1 ท่อจ่ายน้ำร้อน ขนาดเครื่องยาว 59 ซม. เพื่อให้พนักงานชงยืนเพียงคนเดียวควบคุมการชงทั้งสองหัว การเคลื่อนตัวเพื่อเป่าโฟมนมและกดน้ำร้อนเพียงแค่ 1 ข้อศอก สำหรับการชงอย่างต่อเนื่องไม่ต้องหยุดพักภายใน 100 แก้วต่อชั่วโมง หากทำเลไหนที่มีปริมาณการชงมากกว่านี้และมีพนักงานชง 2 คนก็จะเลือกใช้ VivaS710 ที่มีขนาดยาว 71 ซม. มี 2 ท่อเป่านม 1 ท่อน้ำร้อน ซึ่งลักษณะนี้จะต้องมีเครื่องบดแยก 2 ด้าน ปริมาณการชงต่อเนื่องไม่หยุดภายใน 1 ชั่วโมง 160 แก้วเป็นอย่างน้อย (การคำนวณนี้เป็นปริมาณขั้นต่ำโดยคิดจากการกลั่นน้ำกาแฟประมาณ40วินาทีต่อแก้วสำหรับกาแฟเย็น)
เฉพาะเครื่องชง Reneka นั้นยังได้ออกแบบแต่ละ Model ให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งาน ซึ่งแต่ละรุ่นมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงมิใช่แค่ราคาที่แตกต่าง เครื่องรุ่น VivaS นั้นออกแบบมาสำหรับทำเลที่เจ้าของกิจการอาจจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่ร้านดูแลร้านเอง จึงต้องมีการตัวเลขที่มีการบันทึกการขายที่ละเอียดแม่นยำ สามารถบันทึกรายงานขายในแต่ละรอบ เครื่อง VivaS มีระบบ PID ที่ให้ความมั่นใจกับบาริสต้าว่า shot กาแฟแต่ละแก้วต้องผ่านอุณหภูมิที่ตั้งไว้เท่ากันทุกถ้วย ในบางทำเลที่ต้องการประหยัดค่าแรงพนักงานในแต่ละวันประมาณ ครึ่งชั่วโมงจะใช้ฟังก์ชั่นตั้งเวลาเปิดเครื่องอัตโนมัติ สามารถระบุวันที่ร้านหยุดประจำสัปดาห์ได้ และตั้งเวลาให้เครื่องเข้าสู่โหมดประหยัดไฟได้ เรียกว่าปุ่ม ECO หรือ Stand by อุณหภูมิในหม้อต้มจะลดลงจากที่ตั้งไว้ลงมาที่ 80 องศาเซลเซียส และจะใช้เวลาไม่กี่นาทีกลับไปที่อุณหภูมิที่ตั้งไว้เหมือนเดิม ส่วนของปั๊มน้ำก็เป็นแบบ Magnetic ซึ่งถือว่าเดินเครื่องเงียบที่สุดในบรรดาปั๊มที่มีอยู่ในเครื่องทั่วไป นอกจากฟังก์ชั่นมากมายที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว Reneka ยังได้ผลิตเครื่องชงกาแฟรุ่นที่มีสมรรถนะในการชงสำหรับชงต่อเนื่องโดยยังคงรักษาอุณหภูมิการชงได้สม่ำเสมอแต่ไม่มีลูกเล่นเรื่องการตั้งเวลาอัตโนมัติ ไม่มีจอบันทึกรายการขาย เช่นรุ่น LC , VivaE และรุ่นใหม่ล่าสุด Mosaic เป็นรุ่นราคาประหยัดเพื่อเหมาะสมกับประเทศไทย จากการวิเคราะห์วิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยพบว่า ปริมาณการดื่มกาแฟต่อคนต่อวันเทียบกับประชากรในทวีปยุโรปนั้นเรายังบริโภคในปริมาณที่น้อยมาก ด้วยเหตุผลนี้ เครื่อง Mosaic เหมาะสำหรับทำเลที่มีปริมาณการชงต่อเนื่องประมาณชั่วโมงละ 50 แก้ว มีให้เลือกแบบหัวชงต่ำ วัดจากถาดน้ำทิ้งถึงหัวชง 84 มม. หรือทำเลใดที่ต้องการใช้ถ้วยที่มีขนาดสูง ก็สามารถเลือกแบบที่มีหัวชงสูง โดยวัดจากถาดน้ำทิ้งถึงหัวชงที่ 145 มม.ด้วยประสิทธิภาพการชงกาแฟที่ดีได้อย่างน่าทึ่งสำหรับงบประมาณที่จ่ายเพียงแสนต้นๆสำหรับ 1 หัวและไม่ถึงแสนห้าสำหรับเริ่มต้นที่ 2 หัว compact

กับอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตว่าระหว่าง Reneka ซึ่งเป็นระบบแลกเปลี่ยนความร้อนกับเครื่องชงพวกระบบหม้อต้มมากกว่า 1 ใบ(double/multi boiler)อย่างไหนดีกว่ากัน อยากอธิบายว่าในปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าเครื่องระบบไหนสามารถชงกาแฟได้ดีกว่า การเปรียบเทียบนั้นเราควรเปรียบเทียบเครื่องโดยระบุให้ชัดลงไปว่าต้องการเปรียบเทียบเครื่องยี่ห้อใดรุ่นใดกับเครื่องยี่ห้อใดรุ่นใด การเปรียบเทียบที่ยุติธรรมคือการนำทั้งสองเครื่องนี้มาตั้งคู่กัน ปรับตัวแปรอื่นๆ ให้เหมือนกันทั้งหมด และมีการใช้อย่างต่อเนื่องสักช่วงเวลาหนึ่ง ชิมกาแฟแต่ละถ้วยที่ทำออกมา หากทำได้ดังนี้เราอาจจะพอรู้ได้ว่าเครื่องใดให้รสชาติกาแฟได้ดีกว่ามีความสม่ำเสมอมากกว่า สำหรับเรเนก้าที่พีแอนด์เอฟจัดจำหน่ายมาเป็นเวลาหลายปีเราทำการทดสอบอย่างสม่ำเสมอ และสอบถามจากลูกค้าผู้ใช้เรเนก้านับร้อยราย ได้รายงานถึงความประทับใจและความไว้ใจในการผลิตกาแฟได้เป็นอย่างดี เป็นการยืนยันว่าเทคโนโลยีการออกแบบระบบการผลิตกาแฟของเรเนก้าที่ควบคุมความร้อนและความดันในหม้อต้มน้ำอย่างแม่นยำ การวางกระบอกแลกเปลี่ยนความร้อนในแนวนอนเชื่อมต่อกับหัวกรุ๊ปทองเหลืองขนาดใหญ่สามารถชดเชยความร้อนระหว่างหม้อต้มและหัวกรุ๊ปเพื่อรักษาเสถียรภาพของอุณหภูมิในการชงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความมั่นใจในการชงกาแฟขั้นสูงสุดให้กับบาริสต้ามืออาชีพทุกท่าน

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และทดสอบเครื่องชงกาแฟเรเนก้าทุกรุ่นได้ที่ P&F Coffee

16.9.08

ทำไมต้องกาแฟอินเดีย

Coffee shade grown : Robusta Butter Cup Bold

บริษัทกาแฟ P&F ได้เลือกใช้กาแฟจากประเทศอินเดียมาเป็นเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา และพบกับคำถามมาตลอดว่าทำไมถึงต้องใช้กาแฟอินเดีย ในปีแรก กาแฟ P&F เลือกใช้กาแฟอราบิก้า Monsoon Malabar ที่ให้ความนุ่มนวลต่อรสชาติ Characterของกาแฟแบบ Buttery เวลาดื่มเหมือนมีเนยคลุมลิ้นและออกกลิ่นคล้ายถังไม้ผุๆ รวมทั้งใช้กาแฟโรบัสต้า ทั้งกระบวนการผลิตสารกาแฟแบบเปียกและแบบแห้งในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดความเข้มข้นของน้ำกาแฟโดยไม่แสดงกลิ่นและรสชาติของโรบัสต้ามากนัก การเบลนด์กาแฟในปีแรกทำให้กาแฟคั่วของ P&F Espresso เบลนด์เป็นกาแฟสไตล์อิตาลีที่ประทับใจชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
ทัศนียภาพภายในสวนแบบ Organic :Organic coffee Plantation
เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน กาแฟ P&F ยังไม่ได้หยุดอยู่กับที่เรายังปรารถนากาแฟเบลนด์ที่ดีกว่าที่เป็นและมั่นใจว่าต้องทำได้ จึงได้พัฒนากระบวนการเสาะแสวงหาแหล่งเมล็ดกาแฟดิบจากประเทศอินเดียที่คิดว่าต้องดีกว่าเดิม เริ่มจากการเข้าอบรมการชิมกาแฟกับอาจารย์ที่มีอาชีพด้านการชิมระดับโลกจากประเทศอินเดีย Madam Sunalini Menon และถือว่าเป็นโชคดีของกาแฟ P&F ที่ได้มีโอกาสรู้จักกับผู้ปลูกกาแฟโรบัสต้าที่มีอุดมการณ์ในการสร้างตราสินค้าของตนเองจากเมล็ดกาแฟดิบ ซึ่งเขาก็ประสบความสำเร็จต่อการตั้งใจนั้นเป็นอย่างดี กาแฟ P&F ได้มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมสวนกาแฟของ Palthope Estate ที่ Croog ได้พูดคุยได้รับรู้วิสัยทัศน์ของการพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟดิบทำให้รู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก จนเป็นแรงบันดาลใจในการที่จะกลับมาแบ่งปันความรู้ที่ได้ให้กับผู้ปลูกกาแฟของไทย
ที่ว่าโชคดีมิใช่เพียงจากเดิมที่สั่งซื้อจากผู้ส่งออกรายใหญ่ของประเทศอินเดีย มาเป็นซื้อโดยตรงจากผู้ปลูกกาแฟเท่านั้น หากยังได้มีโอกาสร่วมชั้นอบรมชิมกาแฟกับทายาทของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศอินเดียที่มีพื้นที่ปลูกกาแฟอราบิก้าของตนเองและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับต้นๆของประเทศอินเดียเลยทีเดียว นับว่ากาแฟ P&F เป็นบริษัทกาแฟแห่งแรกของไทยที่ซื้อกาแฟโดยตรงจากผู้ปลูก ความโชคดีที่ว่านี้มิใช่เพียงการซื้อจากผู้ปลูกกาแฟโดยตรง (Direct Trade) เท่านั้น คุณภาพกาแฟจากทั้ง 2 แหล่งคือโรบัสต้าและอราบิก้าที่กล่าวถึงข้างต้นนั้นล้วนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งรางวัลคุณภาพกาแฟดิบนั้นได้รับจากโรงคั่วกาแฟระดับโลกอย่าง illy หลายปีติดต่อกันถือเป็นการการันตีคุณภาพได้เป็นอย่างดี


ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กาแฟ P&F ได้คั่วชิมทดสอบพบว่ากาแฟอราบิก้า Plantation A นั้นจะมีลักษณะ Faded เล็กน้อยแต่ยังให้ Character ของกลิ่นที่คล้ายกาแฟจากประเทศบราซิลที่ กาแฟ P&F ได้เคยนำมาเบลนด์ในปีที่ผ่านมา ความพิเศษที่เหนือกว่าตรงที่กาแฟอราบิก้า Plantation A นั้นให้ Charactor ที่ Buttery ออกนมเนยมากกว่าเมล็ดกาแฟจากบราซิลที่เคยใช้ Body มากจนน่าทึ่งทั้งๆที่เป็นอราบิก้าที่ผ่านกระบวนการแบบเปียก หากเมื่อเทียบกับการใช้ อราบิก้า Monsoon Malabarที่เคยใช้นั้นน้ำกาแฟที่ได้เข้มข้นใกล้เคียงกันในขณะที่ครั้งนี้ไม่มีความเป็นไม้ผุให้รู้สึก แต่กลับรู้สึกหวานลิ้นเนื่องจากมีความสด Acidy มากกว่าทั้ง เมล็ดกาแฟบราซิลและ Monsoon Malabar

สรุปผลรวมของ Flavour (Aroma+Body+Acidy) ที่ได้มีรสชาติมากกว่าเรียกได้ว่า Tasty พอสมควร ในขณะที่ Aroma ที่ได้เจือกลิ่น Spicy แบบเครื่องเทศอินเดีย เหตุผลว่าทำไมต้องใช้กาแฟอินเดียคงพอจะประมาณได้ว่า ดีกว่า แหล่งปลูกใกล้ประเทศเรามากกว่า (เอเชียด้วยกัน)เรื่องราคาหรือต้นทุนยังไม่ใช่ประเด็นสำหรับบทความนี้เพราะเราต้องการเพียงคุณภาพที่ดีขี้นเท่านั้น



























2.9.08

เครื่องชงกาแฟ สำหรับร้านกาแฟขนาดกลางและเล็ก


Mosaic
อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ของ ผู้ผลิตเครื่องชงกาแฟ ระดับอุตสาหกรรม ยี่ห้อ Reneka หลังจากที่ได้ศึกษาตลาดกาแฟเอสเปรสโซในหลายประเทศแถบเอเซียพบว่าตลาดมีความต้องการเครื่องชงกาแฟคุณภาพสูงราคาย่อมเยา สำหรับร้านกาแฟหรือภัตตาคารขนาดกลางถึงเล็ก ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการนี้จึงได้คิดค้นเครื่องชงกาแฟระดับอุตสาหกรรมขนาดย่อมเยาในราคาแต่คุณภาพคับแก้วขึ้นมา ซึ่งยังคงสมรรถนะในการชงกาแฟให้ได้คุณภาพที่ดีอย่างต่อเนื่องแม้จะชงหลายๆแก้วติดต่อกันจำนวนมาก ด้วยระบบ Thermodynamic และดีไซน์ที่ทันสมัย มี 4 สีให้เลือกตามรสนิยม
ราคาแนะนำของ Mosaic ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 15 ธันวาคม 2551

1. Mosaic 1 หัวชง 120,000
2. Bistro 2 หัวชง Compact 145,000
3. Barista 2 หัวชง 2 ท่อเป่านม 160,000
4. BaristaHP (High Power)
หม้อต้มจุ 11 ลิตร 2 หัวชง 2 ท่อเป่านม ไฟ 1 เฟส 180,000
5. BaristaHP (High Power)
หม้อต้มจุ 11 ลิตร 2 หัวชง 2 ท่อเป่านม ไฟ 3 เฟส 185,000
พร้อมรับข้อเสนอพิเศษสุด ด่วน! เฉพาะ 5 ท่านแรกภายในวันที่ 15 กันยายน 2551 นี้เท่านั้น

20.8.08

Newspress ความสำเร็จของทุกคน

ห่างหายไปจากบล็อคนานโข เนื่องจากติดภารกิจหลายอย่าง ตอนนี้มุ่งปรับปรุงเว็บไซต์ pnfcoffee ให้บรรลุผลอย่างใจจดใจจ่อ จะขอประกาศความสำเร็จอีกครั้งเมื่อสำเร็จแล้วในโอกาสต่อไปนะคะ

วันนี้มีข้อมูลข่าวสารมาแบ่งปันกัน จากความสำเร็จในระดับหนึ่งที่ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ได้สร้างตราสินค้า Reneka เครื่องชงจากประเทศฝรั่งเศส จนเป็นที่ยอมรับตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บทสัมภาษณ์ที่ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ได้แสดงไว้ต่อผู้ผลิตนั้นแสดงให้เห็นว่าเราทำตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีความฝันที่ไม่เกินจริงจนเกินไปนัก ตามอ่านกันได้ค่ะ Newspress

วันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน หวนนึกถึงวันแรกๆที่ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ถือกำเนิดมาในธุรกิจกาแฟ ในปี 2544 ปัจจุบันย่างเข้าปีที่ 9 แล้วนับเป็นตัวเลขที่เป็นมงคล เพื่อความก้าวหน้าไปอย่างมั่นคงต่อเนื่อง ต้องขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่มีพระคุณ ให้โอกาส พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ พัฒนาคุณภาพกาแฟมาโดยตลอด ล้มลุกคลุกคลานบ้าง งงงงกับสิ่งที่ทำบ้าง สับสน ไขว้เขวมาก็บ่อย ก็ได้รับการให้อภัยและกำลังใจจากทุกท่านมาโดยตลอด

ความสำเร็จที่กล่าวใน Newspress นั้นถือเป็นความสำเร็จของทุกท่านในธุรกิจกาแฟทุกท่านอย่างแท้จริง หากเราบ้าคุณภาพกาแฟฝ่ายเดียว แต่ท่านไม่เห็นด้วยคงจะไม่มีวันนี้ กล่าวได้ว่า "มีวันนี้ เพราะมีวันนั้น"

ศิรฎา

14.7.08

Fun competition latte art



ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมารู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายในชีวิตทั้งเรื่อง ข้าวยากหมากแพง อะไรต่อมิอะไร ทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออก เผอิญเพื่อนจากต่างแดนแวะมาเยี่ยม ด้วยความรู้สึกตึงเครียดกับภาระงานเช่นเดียวกัน จึงคิดเล่นอะไรที่คลายเครียดกัน วันนั้นเราคุยกันเรื่องการแข่งขันชิงแชมป์ลาเต้อาร์ตที่ โคเปนเฮเกน ซึ่งแชมป์ปีนี้ได้แก่ Con Haralambopoulos, Australia แต่ที่น่าประทับใจเห็นจะเป็น Kira Malchenko จาก RUSSIA ที่เทลาเต้อาร์ตสองมือเป็นที่ตื่นตาตื่นใจจนได้รองแชมป์ไปแล้ว กติกาที่ใช้แข่งกันคือ ผู้เข้าแข่งขันจากไทย และฮ่องกง ห้ามดูภาพใดๆของการแข่งขันให้จินตนาการเอาเองว่าเทอาร์ตสองมือมันควรจะเป็นหน้าตาอย่างไร
During the past few months, I'm quite bored with my life from (again) the world economy crisis and Thailand's politics. Last 2 weeks my friend from HongKong visit my office and we talked about "World Latte Art Championship 2008" Con Haralambopoulos from Australia. But the girl from Russia, Kira Malchenko, made us very impressed from her 2 hands rosetta. Yes, we suddenly have decided to have a fun competition with 2 hands by imagin.



ในรอบแรก มีผู้เข้าแข่งขันสามคนแบบสองรุมหนึ่ง คือบาริสต้านาง , ตัวข้าพเจ้าเอง (พี่ไนซ์) จากไทย และ เพื่อนข้าพเจ้า Felix จาก HongKong ผลรอบแรกของข้าพเจ้าสวยที่สุด (แบบประมาณฟลุค) ในรอบสองมีเพื่อนข้าพเจ้าขอแก้ตัวอีกครั้งปรากฏว่าสวยกว่ารอบแรกมาก ส่วนตัวแทนจากไทยพอใจแล้ว (ที่จริงกลัวรอบต่อไปมันจะแย่กว่าเดิม) หมายเหตุวีดีโอของบาริสต้าถูกเจ้าตัวขอร้องมิให้แพร่ภาพเกรงจะถูกลอกเลียนแบบ (ล้อเล่น)




In the first round I and my barista (Miss Nang) from Thailand and Mr. Felix from Hongkong. And the first round is me. Yeh!!! (I'm not dare to try again, perhaps it becomes more poor)











สองรอบผ่านไปขอตัดสินให้เพื่อนของข้าพเจ้าชนะเลิศ And the winner is Mr. Felix from HongKong












รางวัลของการแข่งขันในครั้งนี้คือรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ไม่มีการทะเลาะ ไม่มีค่าย ไม่มีกลุ่ม มีแต่คนรักกาแฟ บ้ากาแฟ และคุยเฉพาะเรื่องกาแฟ
บทความนี้ถึงจะไม่ได้ให้อะไรคนอ่านนัก แต่หวังใจว่าคงเป็นหนทางหนึ่งที่จะกระตุ้นให้คนเบื่อๆแบบข้าพเจ้าลุกขึ้นมาทำอะไรแบบฮาๆ ก็จะดีมิใช่น้อย





The reward of this competition is only smile , laughing... no arguement, no battle.... just talk about coffee and coffee. I wish my blog will let someone get start to do something fun as me but heal any bad situation to be better.





2.7.08

เมื่อพี่ใหญ่คลอนแคลน เราเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้าง

เมื่อเช้ารู้สึกตกใจกับข่าว พี่ใหญ่ Starbuck ประกาศปิดสาขาในประเทศสหรัฐไปทั้งสิ้น 600 สาขาจาก 7,100 สาขาจากทั่วโลก พนักงานไม่น้อยกว่า 12,000 คนต้องออกจากงาน ด้วยเหตุผล ที่ทุกคนในโลกใบเล็กนี้กำลังประสบอยู่คือน้ำมันแพง ค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายได้ลด เหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Starbuck ต้องปิดสาขาจริงหรือ ความเห็นของผู้คนจากทั่วโลก เมื่อ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา ค่อนข้างดุเดือด หลากหลาย






ผู้เขียนนำความเห็นของหลายๆท่านมาเป็นแง่คิด วิเคราะห์เหตุของการถดถอยในครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการที่ผู้ดื่มนับวันได้รับรู้ ได้ลิ้มลอง กาแฟจากโรงคั่วเล็กๆที่มีคุณภาพที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแบรนด์ดังระดับโลกที่เรารู้จักกันดีมาช้านาน อย่างอิลลี่ เช่น intelligentsia , coffeecollective, coffeebean& tealeave เป็นต้น ทำให้เริ่มรู้จัก แยกแยะสิ่งที่ตัวเองชอบ ชอบมากกว่า ชอบน้อยกว่า มีการเปรียบเทียบมากขึ้น เข้าใจกาแฟมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เริ่มปรากฏในประเทศเราไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เองประการหนึ่ง






สำหรับบรรยากาศที่ Starbuck ได้สร้างขึ้นมาใช้กับสาขาทั่วโลกให้มีภาพลักษณ์ใกล้เคียงหรือเหมือนกับพิมพ์เดียวกัน ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย จำเจ ไม่ว่าจะเป็นลำดับการพูดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เหมือนกันหมดราวกับหุ่นยนต์ ลำดับการเปิดเพลงที่ถูกจัดวางไว้ ทั้งสไตล์เพลงที่เปิดเหมือนๆกันทุกที่ หรือแม้แต่บรรยากาศการให้บริการของพนักงานที่ยุ่งจนไม่มีเวลาเสวนากับลูกค้า การเปลี่ยนมาใช้เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติ หรือแบบกดปุ่มแทนศิลปะการชงกาแฟแบบคลาสสิค ทำให้ขาดเสน่ห์ไปอย่างน่าเสียดายนั่นก็อีกประการหนึ่ง






แล้วสัจจธรรมหนึ่งที่ผู้เขียนพอจะสรุปเป็นประเด็นรวมๆได้ว่า เรื่องการให้บริการกาแฟนั้น กุญแจแห่งความสำเร็จ เห็นจะไม่พ้น เสาหลักสี่ต้น ที่คุณวุฒิพร ได้เคยเขียนไว้ใน http://vudh.wordpress.com/ เพื่อให้ได้เอสเปรสโซคุณภาพที่ดี ไม่ดูถูกลูกค้าหรือแอบคิดเองว่าลูกค้าไม่สามารถแยกได้เรื่องคุณภาพหรือรสชาติ , บรรยากาศร้านที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของร้านกาแฟที่อาจจะสนุกสนาน เนี๊ยบ เซอร์ แบบไหนสุดแล้วแต่ที่เป็นตัวตนของตัวเองนั้นสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณภาพในถ้วย ข้อนี้ผู้เขียนถามลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาเรื่องธุรกิจกาแฟทุกวัน ส่วนมากตอบไม่ถูกหรอกว่าตัวตนเราเป็นอย่างไรแน่ ทำให้ร้านดูคลุมเครือ ลูกค้าก็เลยงงๆผสมมาด้วย






ผู้เขียนเคยได้สนทนากับผู้บริหารบริษัทกาแฟเชนใหญ่แห่งหนึ่งมีสาขาเป็นร้อย ต้องการปรับปรุงธุรกิจ เริ่มประโยคด้วยว่า อยากให้กิจการดีขึ้นกว่าเดิม แต่ตอนนี้ตักกาแฟเม็ดใส่ถุงซิบไว้สำหรับ 1 ที่เพื่อควบคุมได้ง่าย ไม่ถูกพนักงานชงโกง แค่เริ่มแบบนี้เห็นว่าคงจะพัฒนายากเสียแล้ว ดังนั้นเอาความคลอนแคลนของคนอื่น พูดง่ายๆคือ นำความล้มเหลวของคนอื่นมาศึกษาเพื่อให้เราประสบความสำเร็จให้ได้ ใครมีความคิดเห็นอย่างไร แบ่งปันกันนะคะ






1.5.08

โลกร้อน สาเหตุลูกเห็บตก



















ลูกเห็บเกิดขึ้นได้อย่างไร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%9A
หลายวันที่ผ่านมาคงได้เห็นข่าวใหญ่ปรากฎตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับหิมะตกที่แม่สรวย เชียงราย เป็นที่ตกอกตกใจต่อคนที่ได้ทราบข่าว ถึงเหตุการณ์ ประหลาดครั้งนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนบอกว่าไม่เคยเห็นเป็นอย่างนี้มาก่อน ก่อนลูกเห็บจะตกท้องฟ้าเป็นสีแดงมาก ละอองน้ำที่กลายเป็นลูกเห็บมีขนาดเล็กมากจนดูเหมือนหิมะ บ้างก็ว่าเป็นลางไม่ดี บ้างก็ว่าดี ต่างๆนานา สุดแต่ความเชื่อ เหตุการณ์แบบนี้พิสดารไม่ต่างจากลูกเห็บที่ตกในประเทศอาหรับ เมืองทะเลทราย


สุดท้ายนักวิชาการออกมาแถลงว่า เป็นลูกเห็บที่เห็นในรูปบนดอยช้างนั้นมีขนาดเล็กมากๆ จนคล้ายหิมะ พืชพรรณส่วนใหญ่ถูกทำลาย ต้นกาแฟใบร่วง โกร๋นทั้งต้น เกิดความเสียหายมาก โดยเฉพาะที่บ้านดอยช้าง ต.วาวี จ.เชียงราย ได้รับผลกระทบมาก คงจะมีบางสวนที่ผู้ปลูกกลับรู้สึกว่าเป็นผลดีเนื่องจากต้นกาแฟแตกหน่อ ออกดอกเร็วขึ้น
เหตุการณ์ลูกเห็บตกแบบนี้คงจะเป็นผลมาจากโลกร้อนขึ้นนั่นเองตามวัฎจักรนั้นกาแฟจะให้ผลชุกปีเว้นปี ในปีนี้ 2551 ผลผลิตต่ำ ปีหน้าควรจะ
ได้มากแต่มาเจอพายุลูกเห็บทำให้ต้นกาแฟบางสวนเสียหายอย่างมาก ผลผลิตโดยรวมปีหน้าอาจจะไม่มากขึ้นกว่าปีนี้เท่าไรนัก พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ปลูกตลอดจน ผู้ประกอบการในธุรกิจกาแฟ มีกำลังใจต่อสู้กันต่อไป

เราทุกคน ร้านกาแฟทุกร้าน สามารถมีส่วนร่วมรณรงค์ช่วยกันใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากแก้ว จากกระดาษ หรือวัสดุทดแทนการใช้โฟม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโฟมอ่อนที่มีส่วนผสมของสาร CFC ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่ทำลายชั้นบรรยากาศ



พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ได้มีนโยบายใช้ถ้วยกระดาษแทนถ้วยพลาสติก สำหรับบริการลูกค้ามาตั้งแต่ ปี 2544 และเปลี่ยนจากถ้วยกระดาษพิมพ์ลายสีสดๆ ในปี 2547 จนกระทั่งปัจจุบัน เราใช้ถ้วยกระดาษสีขาวไม่พิมพ์สีอะไรเลย ทั้งถ้วยร้อน และถ้วยเย็น เพื่อเป็นการลดการใช้สารเคมี เพื่อนๆมีวิธีช่วยกันลดการทำลายชั้นบรรยากาศอย่างไรบ้าง แบ่งปันกันบ้างนะคะ เราๆท่านๆมีส่วนช่วยโลกได้ คนละไม้คนละมือ มันอาจจะยังไม่สายเกินไปหากจะเริ่มในวันนี้




ขอขอบคุณรูปภาพจาก บริษัท กาแฟ ดอยช้าง เฟรช โรสเต็ด จำกัด และรูปหิมะตกที่อาหรับ โดยลูกแก้วกรุ๊ป


11.4.08

กาแฟ พี แอนด์ เอฟ ชวนเชิญดื่มฉลองสงกรานต์


จั่วหัวแบบนี้ หลายท่านอาจจะคิดไปว่า พี แอนด์ เอฟ สวนกระแสหรือต่อต้านนโยบาย 7 วันอันตราย
จริงๆแล้ว เรารู้สึกเป็นห่วงหลายท่านที่เฝ้ารอคอยวันสงกรานต์เพื่อที่จะได้กลับภูมิลำเนา จะได้พบญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ ดังนั้นจึงขอสนับสนุนการดื่มเพื่อฉลอง
ในเทศกาลสงกรานต์นี้หลายท่านอาจจะรับหน้าที่เป็นสารถี เป็นตุ๊กตาหน้ารถ เป็นเพื่อนร่วมทาง เป็นผู้โดยสาร ขอความร่วมมือช่วยกันเชียร์ให้ดื่ม "กาแฟ" แทนการดื่มสุราหรือของมึนเมาต่างๆ

กาแฟมีสารคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อ เส้นประสาทให้ตื่นตัว และจะสะสมในร่างกายประมาณ 3-4 ชั่วโมง จากนั้นจะถูกขับออกมาทางเหงื่อ และผู้ดื่มจะรู้สึกปวดปัสสาวะค่อนข้างบ่อย เนื่องจากกาแฟจะทำหน้าที่ขับน้ำออกจากร่างกาย เมื่อปวดปัสสาวะบ่อยจึงต้องจอดเข้าห้องน้ำบ่อย ความง่วงก็จะไม่ค่อยเกิดกับผู้ขับ อาจจะถึงช้าหน่อยเพราะแวะบ่อย แต่ถือว่าดีกว่า ดื่มเครื่องดื่มอย่างอื่นๆ

การร่วมกันดื่ม "กาแฟ" นี้นอกจากอุบัติเหตุจะน้อยลงแล้ว ท่านยังช่วยทุกๆชีวิตที่มีค่าทั้งหลายไม่ต้องทำให้ใครเสียใจ ไม่ต้องมีใครสูญเสีย อดใจอีกนิดเดียวเมื่อถึงที่หมายได้พบญาติผู้ใหญ่ พบเพื่อนฝูงแล้ว อาจจะไม่สายเกินไปที่จะฉลองการดื่มเครื่องดื่มอื่น

สำหรับเทศกาลสงกรานต์นี้ กาแฟ พี แอนด์ เอฟ ขออวยพรทุกท่านที่ช่วยกันรักษาวัฒนธรรมการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างสุภาพ และสำหรับผู้ที่ร่วมฉลองดื่ม "กาแฟ" กับ กาแฟ พี แอนด์ เอฟ ขอให้ได้โชคลาภจากความดีที่ท่านได้ร่วมกันทำในครั้งนี้ด้วยค่ะ

หากใครยังไม่มีโปรแกรมไปไหน ลองคลิกดูที่นี่ http://www.songkran.net/th/
แ ละขอขอบคุณสำหรับรูปที่น่ารักของเด็กๆ คลิกที่เว็บ http://www.njconnex.com/features/features_38144.php?news_id=38144

31.3.08

AMICI อะมิชี่ น้องใหม่ Reneka



ในปี 2008 นี้นอกจาก Reneka จะปรับปรุง VivaS ทุกรุ่นให้มี Feature เดียกกับ VivaS-710 แล้ว ยังได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวแรกของปีนี้คือ Amici เครื่องรุ่นเล็กเหมาะสำหรับร้านกาแฟขนาดเล็กมากๆ หรือใช้ในบ้านสำหรับผู้พิสมัยการดื่ม Espresso ด้วยเทคโนโลยี่แบบดั้งเดิม หัวกรุ๊ปแบบ E61 มีpressure guage เพื่อแสดงแรงดันในหม้อต้มและแรงดันปั๊มน้ำ


ซึ่ง Amici ที่ออกสู่ตลาดนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือแบบที่ผู้ใช้ต้องเติมน้ำเอง Amici R และแบบที่สามารถต่อเข้ากับเครื่องกรองน้ำโดยเครื่องจะดูดน้ำเข้าหม้อต้มน้ำเองเมื่อระดับน้ำลดลง Amici P


พิเศษสำหรับช่วงแนะนำ หากสั่งซื้อก่อนวันที่ 20 เมษายนนี้จะได้รับ Voucher เป็นส่วนลดสำหรับซื้อเครื่องบดได้ในราคาพิเศษ

สนใจผลิตภัณฑ์ หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ sirada@pnfcoffee.com

24.3.08

Mizudashi


วันนี้ ได้มีโอกาสแวะเยี่ยมลูกค้าที่ซอยทองหล่อ Cafe' Symphony ซึ่งที่นี่เลือกใช้ P&F Espresso Blend สำหรับชงกาแฟเย็นด้วยเครื่องชง Reneka LC และสำหรับวิธีชงแบบ Mizudashi วิธีการชงกาแฟแบบ Mizudashi คิดค้นโดย นาย Hario Mizudashi เจ้าของแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นผู้ผลิตแก้วทนความร้อน Hario และเป็นผู้คิดค้นวิธีใช้น้ำเย็นผ่านชาเพื่อดึงรสชาติออกมาให้เกิดความหวานและไม่ขื่น เมื่อทดลองนำมาใช้กับกาแฟก็ให้ความรู้สึกที่แปลกไปอีกแบบหนึ่ง กาแฟดำแบบเย็น ที่ได้จากการชงวิธีนี้ ให้รสชาติผลไม้เต็มที่ ไม่มีความขื่นของโรบุสต้าแม้แต่น้อย บอดี้ที่ได้ดี ให้ความหวานแบบชื่นใจ ยิ่งใส่น้ำเชื่อมนิดหน่อยยิ่งชื่นใจ
สำหรับเมนูนี้ผู้ที่ต้องการดื่มต้องมีความอดทนและใจเย็นอย่างมาก เพราะต้องใช้เวลาในการกลั่นต่อถ้วย 12 ชั่วโมง ประมาณว่ามันจะนานหยดแหมะ นานหยดแหมะ ชั่วโมงละ 1 ช้อนโต๊ะ พอได้ 12 ช้อนโต๊ะก็ประมาณ 1 เสริฟพอดี
หากใครอยากลิ้มลอง P&F Espresso Blend ในสไตล์นี้ โทร.ไปล่วงหน้า 1 วัน 0855119327 หรือโทรสอบถามก่อนจะไปเผื่อไม่เสียเที่ยว
แต่ถ้าต้องการดื่มกาแฟโดยวิธีชงที่แตกต่าง หรือคุ้นเคยที่นี่มีพร้อม ไม่ว่าจะเป็นแบบหยด แบบวิธีเอสเปรสโซ แบบVacumm หรือแม้แต่แบบก้านอัด มีให้เลือกตามอัธยาศัย

ร้าน Cafe' Symphony นอกจากกาแฟ แล้วยังมีไวน์ไทย และอาหารว่างสไตล์ญี่ปุ่นด้วยนะคะ ขับรถเข้ามาทางถนนสุขุมวิทพอถึง สุขุมวิท55เลี้ยวเข้าซอยทองหล่อ จะรู้สึกซอยมันโค้งนิดๆ พอเลย Grand Tower Inn ไปเพียงนิดเดียว ประมาณ 3 ห้องแถว ซ้ายมือก่อนถึง Scoozy ด้านหน้าสีเขียวค่ะ อ้อ! อย่าไปวันอังคารนะคะ ร้านปิดทุกวันอังคารค่ะ เปิดตั้งแต่เวลา 10.00น ถึง สี่ทุ่มค่ะ

10.3.08

Reneka VivaS version 2008

การควบคุมด้วยระบบ PID เป็นการควบคุมโดยใช้แบบสัดส่วนรวมกับแบบปริพันธ์และรวมกับแบบอนุพันธ์ หรือ proportional–integral–derivative ซึ่งอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ หมายถึงระบบที่เลี้ยงไฟในปริมาณเล็กน้อยเข้าแท่งทำความร้อนแบบต่อเนื่องเพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ตลอดเวลาโดยไม่ต้องใช้กำลังไฟสูงสุด ซึ่งผิดจากระบบเก่าที่ใช้แบบ On-Off loop ที่มีการตั้งค่าไว้ ณ ตำแหน่งหนึ่งแท่งความร้อนจะใช้กำลังสูงสุดต้มน้ำจนกว่าอุณหภูมิจะถึงที่ตั้งไว้ จากนั้นจะหยุดการจ่ายไฟเข้าแท่งทำความร้อน เมื่ออุณหภูมิลดลงจากค่าที่กำหนด แท่งความร้อนก็จะใช้กำลังสูงสุดอีกครั้งเพื่อให้ความร้อนไปถึงจุดที่ตั้งไว้ ในผลระยะยาว ระบบใหม่หรือ PID control นี้จะทำให้อุปกรณ์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าระบบเดิม การที่อุณหภูมิคงที่อย่างสม่ำเสมอหมายถึงคุณภาพการดื่มที่คงที่ของกาแฟทุกถ้วยนั่นเอง

คุณสมบัติของเครื่องรุ่น VivaS ทุกเครื่อง
1. สามารถตั้งเวลาเปิดปิดเครื่องได้อัตโนมัติ
2. มีระบบ ECO Mode เพื่อประหยัดไฟ โดยเครื่องจะปรับอุณหภูมิในหม้อต้มให้ลดลงจาก 125 องศาลงมาที่ 80 องศา เพื่อประหยัดไฟ เมื่อผู้ชงกาแฟต้องการชงกาแฟ เพียงกดปุ่ม ECO อีกครั้งหนึ่ง ความร้อนจะสูงขึ้นจาก 80 องศาไปยัง 125 องศาภายในเวลาไม่กี่นาที
3. มีระบบ PID ทำให้อุณหภูมิการชงเที่ยงตรงแม่นยำทุกถ้วย
4. มีระบบ Anti splash เนื่องจากไม่มีการอั้นอุณหภูมิภายในหัวชง แม้ว่าจะเพิ่มกำลังแรงดันในหม้อต้มถึง 125 องศา
5. มีจอ Display เก็บประวัติการชงแต่ละหัวชง แยกแต่ละปุ่มเพื่อตรวจสอบจำนวนถ้วยที่ใช้ไป
6. มีสัญญาณเตือนให้บำรุงรักษาเครื่องตาม โดยแจ้งชื่อบริษัทที่รับผิดชอบและหมายเลขโทรศัพท์ เมื่อใกล้ถึงค่าที่กำหนดไว้ โดยเครื่องจะส่งเสียง “บี๊บ” ทุกๆ 50 ถ้วยจนกว่าเราจะ Reset ใหม่
7. มีให้เลือกทั้งหมด 8 สี คือ สีขาว ชมพู ฟ้า ส้ม แดง เทาเงิน เทาเข้ม และสีดำเนื้อมุก
8. สามารถตั้ง Pre-infusion ได้ ตามความเหมาะสมของกาแฟที่ใช้
9. มีไฟกระพริบเตือนหากน้ำในหม้อต้มต่ำกว่าระดับที่ตั้งไว้
10. ผู้ใช้สามารถปรับแรงดันในหม้อต้ม หรืออุณหภูมิของน้ำร้อนได้โดยเองทันทีโดยใช้เวลาไม่ถึงนาที
11. สามารถตั้งโปรแกรมปุ่มน้ำร้อนได้
12. สามารถตั้งโปรแกรมระดับน้ำกาแฟได้ 4 ปุ่มสำหรับ 1 หัวชง และ 8 ปุ่ม สำหรับ 2 หัวชง

สนใจทดสอบสมรรถนะเครื่องกรุณาติดต่อ ศิรฎา โทร. 08 6789 2699

PID controller is a control loop feedback mechanism using in Reneka Coffee machine Model VivaS . Heat element attempts to correct the error between a measured process variable and the setpoint temperature by calculating and then outputting a corrective action that can adjust the process accordingly.
Reneka Coffee machine model VivaS version 2008 specifications:
1. Automatic power on and off system.
2. Economy mode for electricity safe.
3. PID sytem to controll heat element.
4. Anti splash system both in hot water jet and group head.
5. LCD Display for everytime display report when needed.
6. Preventive program alarm when reached the setpoint.
7. 8 colors for choose; Red,Pink,Black,White,Blue,Silver,Dark grey and Orange.
8. Pre-infusion programable.
9. Minimum water alarm for safety mode.
10.Pressure boiler and pump pressure adjustable by user.
11. Hot water level programable.
12. Separately group coffee level programable.
For appointment please call Miss Sirada Tel.0867892699

3.3.08

P&F Coffee in Coffee Tea and Drinks 2008

จบลงไปด้วยความเรียบร้อย งาน Coffee Tea & Drink 2008 ที่ MCC Hall The Mall บางกะปิ ซึ่งงานนี้ P&F Coffee ได้เลือกบูธหน้าเวทีการแข่งขัน เนื่องจากปีที่ผ่านมาขณะที่ Barista ของเราขึ้นเวทีแข่งขันเราก็ไม่มีโอกาสได้ชมและเชียร์ พนักงานของเรา หวังว่าปีนี้อยู่หน้าเวทีคงจะมีโอกาสเชียร์บ้าง แต่ผิดคาดคือไม่มีโอกาสเหมือนเดิม เนื่องจากต้องให้ข้อมูลกับผู้มาเยี่ยมชมบูธตลอดเวลา ปีนี้ P&F Coffee ได้ส่งบาริสต้าขึ้นชิงตำแหน่ง 2 คน คือ บาริสต้าอเนก (หลายคนคุ้นกับชื่อ อาทิตย์ มากกว่า) และอีกคนคือบาริสต้าวราภรณ์ที่มีอายุน้อยมากเพียง 20 ปีเท่านั้น ทั้งคู่โชว์ผลงานได้ดีกว่าที่คาดไว้เนื่องจากมีเวลาซ้อมน้อยมาก วัตถุประสงค์ของการแข่งเพื่อหาประสบการณ์เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นบาริสต้ามืออาชีพของทั้งคู่


ที่บูธของ P&F Coffee ได้นำเสนอเครื่องชงกาแฟ Reneka VivaS รูปโฉมใหม่ที่มีการพัฒนาศักยภาพการผลิตกาแฟให้มีความเที่ยงตรงแน่นอนและคุณภาพการดื่มดีขึ้นไปจากเดิมอีก โดยเครื่อง Reneka VivaS ปีนี้มีความแตกต่างจากปีก่อนๆ คือไม่ว่าจะเป็น 1 หัว , 2 หัว Compact, 2 หัว 2 ที่เป่านม และ 3 หัวชง ทุกตัวมีการควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ PID ให้ความเสถียรของอุณหภูมิที่ตั้งไว้เท่ากันแทบทุกถ้วยที่ชง มีปุ่มประหยัดไฟ ECONOMY ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิของหม้อต้มลงเหลือ 80 องศาเซลเซียส และจะกลับขึ้นไปสู่อุณหภูมิที่ตั้งไว้เมื่อต้องการชงกาแฟภายในเวลาไม่กี่นาที สามารถตั้งเวลาเปิดปิดเครื่องไว้อัตโนมัติ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนมาใช้ปั๊มแบบ Magnetic Pump ที่ให้คุณสมบัตินิ่งและเงียบมาก ซึ่งปกติแล้วปั๊มน้ำรุ่นนี้จะถูกประกอบอยู่ในเครื่องตั้งแต่ 3 หัวชงขึ้นไป อีกส่วนหนึ่งที่พิเศษคือทุกรุ่นจะมีจอแสดงรายงานจำนวนแก้วที่ชงไปแยกแต่ละหัว แต่ละปุ่ม มีสัญญาณเตือนเรื่องการบำรุงรักษาเครื่องเมื่อถึงกำหนด มีหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อ และข้อสำคัญอีกอย่างคือ มีการปรับเปลี่ยนอุณหภูมิของหม้อต้มให้มีกำลังมากขึ้นถึง 125 องศาเซลเซียส ในขณะที่ความร้อนที่หัวชงยังคงแนวปรัชญาเดิมคือไม่ทำให้กาแฟไหม้ และไม่อั้นอุณหภูมิที่หัวชง



ในช่วงงานกาแฟตั้งแต่ 21-24 กุมภาพันธ์ ถือเป็นการคืนกำไรให้กับผู้ซื้อเป็นอย่างยิ่งเนื่องจาก P&F ยังคงจำหน่ายในราคาเดิม ขณะที่เครื่องเป็นระบบใหม่แล้ว และมีการปรับราคาทั่วโลกเป็นราคาใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 08 แต่ P&F Coffee ยังคงยืนยันราคาไปจนถึงวันที่ 16 มีนาคม 2008 นี้ซึ่งจะมีโปรแกรมราคาพิเศษนี้อีกครั้งในงาน วันที่ 12-16 มีนาคม ที่อาคารมหิศร ไทยพาณิชย์ปาร์คพลาซ่า ถ.รัชดาภิเษก ณ บูธกาแฟฮิลคอฟ (ชาวไทยภูเขา) เท่านั้น

ในงานนี้นอกจากเครื่องชงกาแฟแล้ว P&F Coffee ยังได้นำเมล็ดกาแฟดิบจากแหล่งต่างๆจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Kenya Lenana , Brazil Vargem Grande, Yemen Ismaili, Sulawesi, เมล็ดกาแฟจากเชียงราย และเชียงใหม่ มาจำหน่ายในราคาพิเศษพร้อมแนะนำ Profile การคั่วที่เหมาะสมแก่ผู้ที่สนใจด้วย




ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เร้าใจ สนุกสนาน เห็นจะเป็น การแข่งขัน Unofficial “ P&F Best Shot Thrown Down” Competition 2008 ซึ่งจัดขึ้นในวันเสาร์ 23 กพ. 08 เวลา 15.00 น. ในการแข่งขันครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 16 ท่านส่วนมากขยับมาจากเวทีแข่งขันบาริสต้า และอีกส่วนหนึ่งมาจากผองเพื่อน Trainer จากบริษัท กาแฟต่างๆ งานนี้ผิดคาด บรรดา Trainer ทั้งหลายตกรอบไปอย่างน่าแปลกใจ เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันโดยมี ข้าพเจ้าและเจ้าหน้าที่จากเครื่องชงกาแฟ Reneka ร่วมเป็นกรรมการตัดสิน เกณฑ์การตัดสินแบ่งออกเป็น 3 ส่วนๆละ 3 คะแนน คือ การให้คะแนนครีม่า 3 คะแนน, การให้คะแนนรสชาติ 3 คะแนน, การให้คะแนน Aroma 3 คะแนน เป็นที่น่าแปลกใจว่าเครื่องดื่ม Espresso นี้มีรสชาติที่แตกต่างกันทั้ง 16 ถ้วย นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่อาศัยเทคนิคในการชงเป็นอย่างมาก
ผู้ชนะเลิศ คือคุณศรีนวล สิงหา บาริสต้าฝีมือฉกาจ จากร้าน ซีท ทู คัพ ของคุณวุฒิพร
อันดับรองชนะเลิศคือ คุณศิริพร โตอ่อน จาก Black Canyon และคุณเบญญาภา จาก Black Canyon เช่นกัน

โดยผู้ชนะเลิศได้รางวัลเป็นโล่เกียรติคุณ เป็นด้ามชงกาแฟ Reneka ของจริง พร้อมของรางวัลอื่นๆมูลค่า 7,000.- และมีสิทธิ์เข้ามาเยี่ยมชมพร้อมสิทธิ์ในการเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆที่ P&F มีเช่น เครื่องคั่ว Sample roaster ของ U.S Roaster Corp ตัวเดียวในประเทศไทย , การร่วมฝึกชิมกาแฟต่างๆ เป็นเวลา 1 เดือนไม่จำกัดครั้ง ส่วนผู้ที่ได้รางวัลรองชนะเลิศทั้งสองท่านจะได้ของรางวัลมูลค่า 2,500.- พร้อมสิทธิ์ในการเข้าเยี่ยมและสิทธิการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ภายในสำนักงานของ P&F Coffee ไม่ว่าจะเป็น เครื่องคั่วกาแฟ Sample roaster U.S Roaster Corp. , เครื่องชงกาแฟ Reneka , เครื่องบดกาแฟ Eureka เป็นเวลา 4 ชั่วโมงเต็มจำนวน 1 ครั้งต่อท่าน โดยทุกท่านต้องติดต่อนัดหมายล่วงหน้า

ในวันสุดท้ายของงาน ที่บูธ P&F Coffee ได้จัดกิจกรรม Latte Art Clinic โดยได้เชิญคุณฤทธิไกร พรหมเดช จากร้าน Bakerista เชียงใหม่ และคุณหมอพร นริศชาติ ผู้หลงใหลเสน่ห์ของ Latte Art เปิดบ้านโชว์เทคนิคการเท Latte พร้อมสอนเทคนิคการทำอย่างละเอียด งานนี้ผู้จัดงานได้รวบรวมหน้าม้ามุงดูเพียบ

16.2.08

ข้อคิดจากอินเดีย

ทำไมต้องอินเดีย
กลับมาแล้วค่ะ ลูกค้าหลายท่านเอ่ยปากถามว่า ทำไมต้องเลือกไปที่อินเดีย หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าประเทศเพื่อนบ้านของเรา ที่สามารถใช้เวลาโดยสารเครื่องบินเพียง 3 ชั่วโมงครึ่งอย่างอินเดียนั้นมีอุตสาหกรรมผลิตกาแฟดิบส่งออกปริมาณสูงอันดับต้นๆของโลก และกาแฟหลายๆตัวที่ส่งออกก็เป็นกาแฟคุณภาพดีระดับโลกเสียด้วย

จุดประสงค์ ที่ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ เดินทางไปอินเดียนั้น เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเรื่องความรู้เกี่ยวกับการจัดการการผลิตสารกาแฟ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาการผลิตกาแฟดิบของไทย ทั้งในภาคเหนือและภาคอื่นๆ ในการไปศึกษาดูงานครั้งนี้มี Madam Sunalini N. Menon ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการประเมินคุณภาพกาแฟ ชาวอินเดียเป็นผู้ร่วมเดินทางไปให้ความรู้และเทคนิคการผลิตถึงแปลงปลูกกาแฟเลยทีเดียว นับว่าเป็นโชคดี ของ พีแอนด์เอฟ คอฟฟี่ อย่างมาก เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่มีภารกิจมากจนหาเวลาว่างแทบไม่ได้ การเข้าเยี่ยมชมวิธีการผลิตหลังเก็บเกี่ยว ตั้งแต่วิธีการเก็บผลสุกจากต้น การคัดเลือกผลที่ไม่ได้มาตรฐาน การจัดเกรด การลอกเปลือก การตาก การคัดแยกเม็ดกาแฟที่ไม่ผ่านเกณฑ์ การสีกะลา การเก็บรักษากาแฟดิบ ล้วนแต่ต้องอาศัยความรู้ ความใส่ใจทุกกระบวนการผลิตอย่างจริงจัง เพื่อให้ได้เม็ดกาแฟดิบที่มีคุณภาพดีอย่างที่ต้องการ

แปลงกาแฟที่เราได้ไปเยี่ยมชม แม้ว่าจะเป็นกาแฟพันธุ์โรบุสต้าแต่ความพิถีพิถันในการผลิตไม่แตกต่างจากกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าแม้แต่น้อย โดยเฉพาะแปลงที่ พี แอนด์ เอฟ ได้ไปเยี่ยมชมนั้นถือเป็นแปลงปลูกที่เจ้าของกิจการมีความใส่ใจต่อคุณภาพกาแฟโรบุสต้าของเขาอย่างน่าทึ่ง จนสามารถสร้างตราสินค้าเป็นของตนเองได้และเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ นอกจากจะใส่ใจเรื่องคุณภาพการผลิตอย่างละเอียดแล้ว ยังใส่ใจในเรื่องของธรรมชาติรอบตัว ไม่ว่าจะรณรงค์ไม่ทิ้งขยะที่ทำจากพลาสติก หรือการนำเชอร์รี่ที่เหลือจากการสีเปลือกนำไปทำเป็นปุ๋ยเพื่อลดการใช้สารเคมีจนไม่ต้องใช้สารเคมีใดๆในแปลงปลูก การปลูกป่า รักษาป่า รักษาชีวิตสัตว์ป่า เป็นต้น ถือเป็นบุคคลน่ายกย่องและถือควรยึดถือเป็นแบบอย่างอย่างยิ่ง

ในการเดินทางครั้งนี้ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ยังได้เข้าร่วมชั้นทดสอบรสชาติกาแฟ (Cup tasting) โดยมีผู้ร่วมชั้นจากประเทศต่างๆอีกประมาณ 3 ท่าน ใช้เวลาในการเรียนรู้เรื่องการชิมกาแฟ การคัดแยกเม็ดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ การสร้างสรรค์เบลนด์ ซึ่งที่กล่าวมาล้วนสำคัญต่อการผลิตกาแฟคั่วอย่างมาก หากเราชิมไม่เป็นหรือชิมไม่รู้เรื่องแล้ว จะไม่สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตกาแฟดิบที่ได้มาตรฐานได้เลย

ข้อคิดที่ได้จากการอบรมหาความรู้ จากที่นี่ นอกจากรู้สึกชื่นชมยินดีต่อการทุ่มเทพัฒนาคุณภาพการผลิตกาแฟสารของประเทศอินเดียแล้ว ยังได้ข้อคิดที่จะนำแนวคิดในการพัฒนากาแฟของไทยเราเองให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะผลิตปริมาณน้อยมากจนแทบไม่พอใช้ในประเทศ อย่างน้อยก็เพื่อเตรียมตัวตนเอง ไม่ต้องเจ็บตัวมากเมื่อถึงเวลาที่กำแพงภาษีขาเข้าลดลงอย่างมากจนอาจเกิดการแข่งขันสูงด้านราคานำเข้ากาแฟสารจากต่างประเทศ เป็นที่รู้กันอยู่ในวงการคนทำกาแฟว่า กาแฟดิบของไทยมีราคาสูงกว่ากาแฟจากหลายๆประเทศทั่วโลกมาก

สิ่งเดียวที่เราคนไทยจะเตรียมพร้อมได้ก็เพียง ทำสิ่งที่เรามีอยู่น้อยนิดนี้ มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ซึ่งพี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ขออาสาเป็นผู้สนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ และยินดีต้อนรับผู้ปลูกทุกท่านที่มีความตั้งใจจะพัฒนาคุณภาพกาแฟดิบของแต่ละแหล่งด้วยความเต็มใจ

24.1.08

Sample Roaster




หลังจากที่รอคอยมานานหลายเดือนก็ได้ฤกษ์ต้อนรับเครื่องคั่วน้องใหม่เข้าบ้าน P&F เสียที Sample roaster ของ US Roaster Corp
ปีใหม่ปีนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้เวลากับเครื่องคั่วใหม่นี้ ซึ่งมีกำลังการคั่วไม่เกิน 450 กรัมต่อการคั่วแต่ละครั้ง เราสามารถทดลองคั่วได้บ่อยเท่าที่เราต้องการจะทดสอบ Profile การคั่วแบบต่างๆ จากเมล็ดกาแฟดิบที่หลากหลาย ของ P&F Coffee คาดว่าปีนี้ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ คงจะได้เริ่มผลิตเมล็ดกาแฟระดับ Specialty จากแหล่งต่างๆ ได้อย่างตั้งใจเสียที

ประเดิมวันนี้ เราทดลองการคั่วแบบเต็มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในเรื่องความสม่ำเสมอของ Profile รู้สึกคุ้มกับเงินที่จ่ายไปค่อนข้างสูง เริ่มจาก เมล็ดจากบราซิล Vargem Grand , Kenya Lenana , Yemen Ismaili , Sulawesi , เมล็ดจากเชียงราย และเมล็ดจากประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ซึ่งรายละเอียดของเมล็ดแต่ละชนิดหาอ่านได้ใน Coffee blog ของ พี แอนด์ เอฟ บ้างเคยเผยแพร่และบ้างกำลังทยอยออกมาให้ทราบกันในโอกาสอันใกล้นี้ ผู้สนใจเมล็ด Specialty ที่คัดพิเศษจากนักแสวงหามืออาชีพ กรุณาสอบถามได้ที่ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ หมายเลข 08 6789 2699
_______________

While I type this blog, today is New Year Eve, everybody celebrated the New Year count down but I have to count down with my sample roaster which I'd waited for more than 2 months from US Roaster Corp. The capacity is 450 gram for each batch and I tried the maximum for several batches simultaniously and the result is quite perfect.

We chosed this machine because it's similar with our 15 Kilograms roaster with some reason. First, we could develop our consistancy profile by imitate from this sample to our roaster. Second, we could find the most impact of each green bean we've got in hands.
Today we roasted Yemen Ismaili, Brazil Vargem Grand, Kenya Lenana, Sulawesi and some others of Selected bean from Chiangrai and our neighbour countries.

Begining of 2008, we wish to have our best blend for our "Splendid", "Mad Dog" and etc. We always welcome anyone who interested in our cup of excellent and selected bean by making appointment to us at Tel# 08 6789 2699

Sirada

2.1.08

ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง



ในเวลา 02.54 น.ของวันที่ 2 มกราคม 2551 เป็นเวลาที่สุดเศร้าของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศที่ได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งไปอย่างไม่มีวันกลับ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
พระราชกิจต่างๆที่พระองค์ทรงได้แบ่งเบาจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และโครงการส่วนพระองค์ต่างๆที่เราชาวไทยต่างสำนึกในพระคุณของพระองค์ท่านที่ได้ทรงปฏิบัติและทรงช่วยเหลือประชาชนชาวไทยมาแสนนาน

ผู้เขียนเคยได้เป็นนักเรียนศึกษาวรรณคดีฝรั่งเศสกับพระองค์ท่าน ที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่หลายปีก่อน วันแรกที่พระองค์เสด็จมาทรงสอน ข้าพเจ้าฯ เข้าห้องเรียนช้ากว่าพระองค์ท่าน ทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ท่านก็ไม่ได้ตรัสสิ่งใด ยังคงสอนวรรณกรรมของนักเขียนนามอุโฆษ Antoine de Saint-Exupéry ในวันนั้นพระองค์ได้ทรงสอนเรื่อง Terre des Hommes ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่งของนักเขียนท่านนี้ ความตอนหนึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า "รู้มั๊ยว่า ทำไมเราต้องเรียนคณะมนุษยศาสตร์?" ตอนนั้นข้าพเจ้ารู้สึกเกร็งจากการเข้าห้องเรียนช้า รู้สึกอายมากโขอยู่ จึงไม่กล้าตอบ ท่านจึงตรัสต่อว่า "ครูอยากให้พวกเธอเป็นมนุษย์มากกว่าคน และจะเป็นมนุษย์ที่ดีได้ ต้องมีความรับผิดชอบ ในทุกๆสิ่งที่เราได้เข้ามามีส่วนร่วม "

ในวันนั้นพระองค์ท่านเล่าเนื้อหาของวรรณกรรม ที่ Antoine de Saint-Exupéry ถ่ายทอดออกมาในแนวปรัชญาผ่านอาชีพบุรุษไปรษณีย์ที่เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินชำรุด ตกอยู่ท่ามกลางหิมะทะเลทราย โดยมีถุงจดหมายและพัสดุของคนอีกหลายคนที่ต้องการส่งถึงกัน ความยากลำบากอย่างแสนสาหัสที่ผู้เขียนพยายามบอกเล่าถึง "หน้าที่ความรับผิดชอบ" ต้องเดินเท้าท่ามกลางหิมะด้วยเหตุผลเดียวสำหรับการอยู่รอด เพื่อจดหมายและพัสดุเหล่านั้น


การที่พระองค์ไม่ได้ทรงลงโทษการมาช้าของข้าพเจ้าในวันนั้น แต่สิ่งที่พระองค์ทรงยกตัวอย่างวรรณกรรมชิ้นนั้นต่อข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจ ระลึกถึงพระองค์และยึดถือเสมอมา จวบจนทุกวันนี้ เพียงเพราะประโยคที่ว่า L'humanité est responsibilité หมายความว่า "ความเป็นมนุษย์หมายถึงมีความรับผิดชอบ" และพระองค์ได้ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีมากสำหรับคำนี้ ซึ่งข้าพเจ้านำมายึดถือปฏิบัติต่ออาชีพคนคั่วกาแฟจวบจนทุกวันนี้


ขอให้พระองค์เสด็จไปสู่สรวงสวรรค์ ด้วยเทอญ
ศิรฎา เตชะการุณ
พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่
2 มกราคม 2551
My Dearest Princess
All Thai people were sad in receiving bad news about our dearest princess Her Royal Highness Princess Galyani Vadhana , His Majesty the King's eldest sister, last night for her death.
I recognized her philosophy teaching when I was a student in Faculties of Humanities, Chiangmai University. Once, I attended her French Literature class and I came late. Her Royal Highness princess didn't get angry but asked me why I had to study in this faculty? I couldn't get any good question so she told me "To be good human, everyone must have responsibility of his own"
During the class, she taught us "Terre des Hommes" which written by Antoine de Saint Exupery. The climax of this story teach us about "responsibility". The postman in this story have duty to distribute all letters and parcels inside his sac. But he got accident and fall into the wide area of snow. He extremely make courage to walk and walk for only little hope to see somebody who could carry the parcels and letters. In his mind is only "Responsibility" to send all thase things to anothers who are waiting for them. Since that day, I've realized that "Responsibility" is the MUST for my job and my way of life.
And I found this poem in http://www.verses4cards.co.uk/
She is Gone
(Read out at the Queen Mother's Funeral)
You can shed tears that she is gone
or you can smile because she has lived.
You can close your eyes and pray that she'll come back
or you can open your eyes and see all she's left.
Your heart can be empty because you can't see her
or you can be full of the love you shared.
You can turn your back on tomorrow and live yesterday
or you can be happy for tomorrow because of yesterday.
You can remember her and only that she's gone
or you can cherish her memory and let it live on.
You can cry and close your mind,be empty and turn your back
or you can do what she'd want:smile,open your eyes,love and go on.
Anon
Sirada Techakaroon
P&F Coffee