27.6.07

P&F ESPRESSO

เบลนด์กาแฟที่ P&F จำหน่ายมากที่สุดตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือ P&F Special Blend มีลักษณะโดดเด่นคือมีน้ำหนักหรือบอดี้กาแฟมาก ไม่ขมไหม้ และไม่ขมขื่นจากโรบัสต้ามากนัก เราเสนอเป็นทางเลือกท่ามกลางตลาดเมืองไทยที่นิยมกาแฟคั่วเข้มมากๆ P&F ต้องต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง เราต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าอย่างยากลำบากถึงสไตล์กาแฟที่เราทำกว่าจะได้การยอมรับ จนกระทั่งในช่วงหลังมานี้กาแฟคั่วอ่อนลงค่อยๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นบ้าง และแนวโน้มที่น่าสังเกตก็คือในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี้ Espresso Blend ซี่งเป็นเบลนด์พรีเมี่ยม ของเราได้ถูกเลือกใช้ในร้านกาแฟมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งนั้นคือผู้ประกอบการที่ให้บริการกาแฟให้ความสำคัญกับรสชาติกาแฟมากขึ้น ยอมขยับต้นทุนขึ้นเพื่อโอกาสในการแข่งขันที่มากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งคือผู้ให้บริการกาแฟที่เคยใช้กาแฟแบรนด์ต่างประเทศหันมาให้โอกาสกาแฟจากโรงคั่วไทยมากขึ้น

P&F Espresso Blend ของเราถูกออกแบบให้เป็นเบลนด์ที่น้ำหนักดี ในขณะที่ให้กลิ่นหอมชัดเจน ซึ่งเป็นผลจากการผสมผสานของแปลงปลูกที่คัดสรรคุณภาพทั้งจากไร่กาแฟในประเทศไทยทั้งเชียงรายและเชียงใหม่ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านในหลายๆประเทศ มีกลิ่นที่ดีนุ่มนวล มีน้ำหนักหรือบอดี้มาก



เราใช้กาแฟจาก 6 แหล่งปลูก 3 สายพันธุ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยหนึ่งในนั้นมี กาแฟชั้นพิเศษอันเลื่องชื่อจากอินเดียรวมอยู่ด้วย ทำหน้าที่เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มปริมาณครีมา และเพื่อรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น






Espresso คั่วด้วยความร้อนปานกลาง ใช้เวลานานกว่าการคั่วปกติเล็กน้อยเพื่อจูนอซิดิตี้หรือลดรสเปรี้ยวในกาแฟลง ดุจเดียวกับการลบเหลี่ยมคมให้กลมมนขึ้นในงานประติมากรรม






ผลลัพธ์คือ กาแฟเอสเปรสโซสไตล์อิตาเลี่ยนที่หอมแรง ขมน้อย ครีมาหนาแน่นสีน้ำตาลแดง รสชาติเปรี้ยวนิดหวานหน่อยอร่อยติดปากติดคอ ดื่มได้ทั้งแบบใส่หรือไม่ใส่น้ำตาล หากเป็นกาแฟใส่นมอาจดูเบาไปนิด เนื่องจากไม่ได้คั่วเข้มนัก แต่ได้รสชาติกลมกล่อมดื่มได้สบายๆ


สนใจชิมกาแฟ นัดได้ที่คุณศิรฎา โทร. 08 6789 2699









25.6.07

without compromise in quality !

เวลาผ่านไปเหมือนโบยบิน กว่า 1 ปี แต่เหมือนเพียงเมื่อวาน การได้รู้จักกับ Sunalini Menon ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตบนเส้นทางกาแฟ ท่านเป็นอาจารย์ที่มีความเป็น "ครู" สูง แค่อยู่ใกล้ก็จะได้รู้สึกถึง passion อย่างเปี่ยมล้น และถูกถ่ายทอดออกมาเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างได้มุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อพัฒนาคุณภาพอย่างไม่ลดละ เราได้รับทั้งความรู้ และข้อคิดจากท่านมากมาย เพื่อนำมาใช้ในงานของเรา โดยหลักสำคัญที่สุดก็คือ การที่ต้องสำนึกตลอดเวลาว่า

"คุณภาพ ไม่ใช่เรื่องที่จะประนีประนอมกันได้"

15.6.07

after sales service



ในโรงงาน reneka ที่สตราสบูรก์ ตอนเหนือของฝรั่งเศสยังคงเก็บรถบริการคันเก่าไว้ เพื่อเป็นที่ระลึกเตือนใจถึงการให้ความสำคัญของการบริการหลังขายเพื่อมอบความมั่นใจสูงสุดแก่ลูกค้า ข้อความนี้เป็นเหมือน short message ที่ส่งตรงถึง P&F COFFEE ในการยึดถือและให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดเพื่อทำให้ผู้ใช้ reneka ชาวไทยได้วางใจ โดยแนวทางของเราคือ การสร้างระบบ technician training ที่เข้มข้น ความเข้มงวดในการติดตั้ง และการให้ความรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ รวมถึงการเปลี่ยน supplier ใน part ที่มีปัญหาทั้งหมด






แน่นอนว่าเครื่อง espresso ถือเป็นเครื่องจักรที่ต้องมีการเสื่อมสภาพ สึกหรอ และเสียได้ แต่ด้วยความมุ่งหวังของเรา reneka ในเมืองไทยจะต้องเป็นเครื่องที่เสียยากที่สุด เสื่อมสภาพช้าที่สุด และได้รับการแก้ปัญหาเร็วที่สุด ให้สมกับความทุ่มเทที่โรงงานผู้ผลิตได้พยายามตลอดเวลา 75 ปีที่ผ่านมา



8.6.07

เครื่องเอสเปรสโซ



จากความเดิมตอนที่แล้ว เนื่องจากการชงแบบเอสเปรสโซนั้นใช้ความดันในการคั้นสูงมาก จึงต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์มากกว่า สลับซับซ้อนกว่าการชงกาแฟวิธีอื่นๆ ทั้งหมด โดยระบบของเครื่องเอสเปรสโซที่นิยมใช้กันมานานและยังแพร่หลายอยู่ในขณะนี้คือ "ระบบแลกเปลี่ยนความร้อน" หรือ "Heat Exchanger" โดยการทำงานสามารถอธิบายได้แบบง่ายๆ ตามไดอะแกรมด้านบนนี้ (จาก chriscoffee.com) คือ ทุกครั้งที่เรากดปุ่มเพื่อชงกาแฟ ปั๊มน้ำจะดูดน้ำจากแหล่งจ่ายน้ำเข้ามา ถูกส่งผ่าน over pressure valve เข้าไปใน boiler หากมีความดันเกินน้ำบางส่วนจะถูกปล่อยออกจาก over pressure valve ขณะที่น้ำกำลังเดินทางผ่านเข้าไปในหม้อต้มน้ำ น้ำที่เย็นอยู่นี้จะรับความร้อนจนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นมาถึงประมาณ 90 องศาเซลเซียส และผ่านวาล์วสามทาง (three way valve) เข้าไปสู่หัวชงกาแฟ โดยแรงดันของน้ำตลอดเส้นทางดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 8.5 บาร์


ด้วยวิธีการของระบบแลกเปลี่ยนความร้อนนี้ จะสังเกตว่าในหม้อต้มน้ำจะมีไอน้ำสำหรับทำโฟมนม และน้ำร้อนสำหรับชงชา โดยสามารถนำออกมาใช้และชงกาแฟไปได้ด้วยในเวลาเดียวกัน การทำความเข้าใจกับไดอะแกรมข้างต้นถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นประโยชน์มากสำหรับบาริสต้าโดยทั่วไป เนื่องจากจะทำให้เข้าใจการทำงานของเครื่องในภาพรวม และทำให้สามารถค้นหาสาเหตุของข้อบกพร่องในการชงกาแฟที่อาจเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น หากหลังจากดึง shot กาแฟลงมาในถ้วยแล้วพบว่ากากกาแฟเปียกแฉะไม่จับตัวเป็นก้อนสวยงาม สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายจุด เช่นกาแฟบดละเอียดเกินไป อุณหภูมิของน้ำไม่สูงพอ หรือวาล์วสามทางมีความผิดปกติ หากบาริสต้าพอมีความเข้าใจกลไกของเครื่องเอสเปรสโซอยู่บ้างจะทำให้สามารถสืบหาสาเหตุ และแก้ไขปัญหาได้ในที่สุด


แม้ระบบแลกเปลี่ยนความร้อนแบบนี้จะเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ใช้กันในโลกของเครื่องเอสเปรสโซมาเป็นเวลานาน แต่ผู้ผลิตชั้นนำหลายๆ รายยังคงเลือกใช้ระบบเดิมอยู่ด้วยเชื่อว่า การใช้น้ำที่สดใหม่ทุกครั้งที่ชงกาแฟจะทำให้เอสเปรสโซอร่อยลื่นคอกว่าการใช้น้ำที่ถูกต้มแล้วต้มเล่า หากพยายามพัฒนาปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยมา โดยใช้เทคโนโลยีและการออกแบบเข้าช่วย อย่างเช่นการออกแบบระบบแลกเปลี่ยนความร้อนของ reneka จะใช้หม้อต้มน้ำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ เพื่อวางกระบอกแลกเปลี่ยนความร้อนในแนวนอนส่งน้ำตรงเข้าหัวกรุ๊ปโดยหัวกรุ๊ปเชื่อมติดกับหม้อต้มน้ำ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความร้อนได้รวดเร็ว และอุณภูมิของน้ำชงกาแฟมีความสม่ำเสมอมากขึ้น espresso shot ที่ได้ยอดเยี่ยมสม่ำเสมอไม่ว่าจะใช้งานหนักหรือเบา ถือเป็นความพยายามและความชาญฉลาดในการออกแบบอย่างน่าสนใจ