24.12.07

ส่งความสุข Happy New Year 2008

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ และทีมงานทุกคน ขอส่งความสุข ความปรารถนาดี แด่ทุกท่าน ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลทั่วหล้า ดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความโชคดี สุขภาพแข็งแรง มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดปี 2008 นี้
Christmas is a time of joy, a time for love and cheer , a time for making memories, to last throughout the year
Merry Christmas and Happy New Year





22.12.07

ดอยช้าง เผ่าลีซู


บ้านดอยช้าง ต.วาวี จ.เชียงราย ถือเป็นพื้นที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทยที่มีการปลูกกาแฟเป็นล่ำเป็นสัน ประกอบด้วยชาวไทยภูเขาหลายๆเผ่า ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เช่นเผ่าอาข่า และเผ่าลีซู เป็นต้น แปลงกาแฟที่จะกล่าวถึงนี้เป็นหนึ่งกลุ่มในหลายๆกลุ่มของชาวไทยภูเขาเผ่าลีซู ที่ได้ตั้งรกรากบนดอยแห่งนี้มาช้านาน เปลี่ยนผลิตภัณฑ์การผลิตจากฝิ่นมาเป็นกาแฟซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์หลัก รองลงมาเช่น ลูกท้อ แมคคาดาเมีย ผักเมืองหนาว ชา และอื่นๆ สุดแล้วแต่ตลาดต้องการ
ขึ้นดอยช้างปีนี้ ได้เห็นความตั้งใจของผู้ปลูกกาแฟที่จะพัฒนาระบบการผลิตให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับคนคั่วกาแฟอย่าง พี แอนด์ เอฟ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้พูดคุยกับผู้ปลูกจนเข้าใจแนวทางที่ตรงกัน พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ มีนโยบายเชิญผู้ปลูกกาแฟมาเรียนรู้เมล็ดกาแฟดิบที่เขาผลิต เริ่มจากการคัดแยกประเภทเมล็ดกาแฟที่มีข้อบกพร่องต่างๆ อธิบายที่มาของการทำให้เกิดข้อบกพร่องต่างๆ เช่นสีของเมล็ด เมล็ดถูกแมลงเจาะ เมล็ดแตกหักเป็นต้น ทั้งนี้มิใช่เพื่อการต่อรองราคาหากเพื่อให้เข้าใจสาเหตุและผลของมันว่าจะเป็นอย่างไร จากนั้นผู้ปลูกกาแฟ ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมทดสอบรสชาติกาแฟคั่วจากแปลงปลูกของแต่ละคน เทียบกับกาแฟคุณภาพสูงจากแหล่งอื่นๆ ให้ผู้ปลูกรู้จักประเมินคุณภาพ การดื่มของกาแฟจากแปลงปลูกของเขาเอง

ผลที่ได้นั้นถือว่าเกินความคาดหมายอย่างยิ่ง เนื่องจากได้มีแรงบันดาลใจและมีแรงปรารถนาที่จะผลิตกาแฟคุณภาพสูง จึงเริ่มปรับปรุงวิธีการผลิตให้ดีขึ้น ตั้งแต่การเก็บเกี่ยว การล้าง การหมัก ขัดเมือก และการตาก ผู้ที่ยังไม่เคยเห็นการผลิตแบบแปลงเล็กๆ สามารถเรียนรู้ได้จากรูปถ่ายเหล่านี้


เมล็ดกาแฟที่เพิ่งถูกเก็บมาจากต้น ยังไม่ผ่านกระบวนการคัดแยก

สังเกตดูจะเห็นว่ามีเม็ดสุกเกินไปและเม็ดเขียวบ้างปะปนอยู่



นำเมล็ดที่ได้เก็บมาจากต้นจะถูกนำมาแช่ในถังเพื่อแยกเม็ดลอยน้ำออก ส่วนที่ลอยจะถูกตักออก








เมล็ดคัดทิ้งจากการลอยน้ำจะถูกนำไปจำหน่ายเป็นกาแฟคุณภาพต่ำ ราคาจะถูกกว่ามาก
เมล็ดที่ดีจะถูกนำไปเข้าเครื่องลอกเปลือก
เมล็ดที่ผ่านการลอกเปลือกออกเพื่อเตรียมหมัก


ขั้นตอนการหมักจะหมักจนเมือกลื่นๆหมด สังเกตด้วยการใช้มือถูเมล็ดกาแฟดู ถ้าอากาศเย็นมากจะใช้เวลาหมักนานขึ้น บางครั้งอาจจะต้องใช้เวลาถึง 3 วัน เมื่อเมือกหมดจึงนำมาล้างด้วยมือให้สะอาดจนแน่ใจว่าไม่มีเมือกหลงเหลืออยู่ จึงนำไปแช่ไว้อีก 1 คืน และนำออกตาก หมั่นเกลี่ยให้แห้ง ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 4-7 วันแล้วจึงเก็บเป็นกะลา เมื่อต้องการใช้สารกาแฟ จะนำไปเข้าเครื่องสีกะลา จะได้สารกาแฟในที่สุด

การร่วมพัฒนาคุณภาพนั้น พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ให้รางวัลกับผู้ปลูกโดยไม่มีข้อผูกมัดเรื่องของการจำหน่าย หมายถึงผู้ปลูกพอใจขายให้กับผู้อื่นได้ หากได้ราคาดีกว่า ผู้ปลูกจะขายให้ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ หรือไม่ขายก็ได้ รู้สึกได้ถึงความเป็นอิสระทั้งสองฝ่าย

21.12.07

iberry เชียงใหม่


ได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมเยียนลูกค้าของ พี แอนด์ เอฟ อีกร้านหนึ่งที่เชียงใหม่ คุณโนส อุดม แต้พานิช ได้เลือกใช้เครื่องชงกาแฟ Reneka รุ่น LCV และเมล็ดกาแฟของ P&F ทั้ง Special Blend สำหรับกาแฟเย็น และ P&F Espresso Blend สำหรับกาแฟร้อน เห็นลูกค้ามากมายแล้วชื่นใจแทนเจ้าของร้าน

ถึงแม้อากาศจะเย็นไปสักนิดแต่แฟนๆก็ไม่ยั่นต่อการลิ้มลองไอศครีมแสนอร่อยหลากรส การตกแต่งร้านมีการนำเสนอไอเดียที่เป็นตัวตนของเจ้าของสถานที่โดยแท้ ฉายแสงของความเป็นศิลปินแห่งอาร์ต รู้สึกแปลกตาสังเกตุดูส่วนมากจะนำกล้องมาถ่ายภาพร้านมุมต่างๆ คงทำอย่างนี้ไม่ได้แน่ต่อร้านอื่นๆ หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสถานที่ก่อน แต่ที่นี่เหมือนเป็นเรื่องปกติ ได้นำภาพบางมุมมาฝากค่ะ





20.11.07

ตอบสนองทุกความต้องการ

พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ เลือกทำตลาดเครื่องชงกาแฟ Reneka ด้วยเหตุผลไม่กี่ข้อ หนึ่งในนั้นคือ ผู้ผลิตเครื่องเข้าใจวิถีการทำงานของ"คนกาแฟ" ไม่ว่าจะเรื่องเทคนิคการควบคุมอุณหภูมิ การปรับแต่งแรงดันหม้อต้ม หรือแรงดันปั๊มน้ำด้วยตัวเองก็ตาม




สิ่งหนึ่งที่ถูกใจ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่เป็นอย่างยิ่งเห็นจะเป็นเทคนิคการชง หรือ "อาวุธ" ที่หลายคนเรียกว่า "ของเล่น" การออกแบบที่หลากหลายนี้เพื่อตอบสนองทุกความต้องการนั่นเอง กาแฟในโลกใบนี้อาจจะมี "Perfect Shot" แตกต่างจากตำราที่เคยพบกันมา กาแฟของเราอาจจะไม่ใช่ 7 กรัมผ่านน้ำ 1 ออนซ์ใช้เวลา 20-30 วินาที อีกต่อไป อาจจะเป็น 12 กรัม หรือ 6 กรัม หรือ 14 กรัม หรืออะไรก็แล้วแต่ ทั้งนี้เราเองจะบอกได้ว่า อย่างไรจึงจะ "อร่อยที่สุด" Reneka เตรียมคำตอบให้แล้วโดยมี sieve หรือตะแกรงสแตนเลสให้เลือกใช้ตามความต้องการเช่น 6 , 7, 12, 14, 18 หรือแม้แต่ 21 กรัม

เมื่อวานมีเพื่อนพ้องท่านหนึ่งโทรมาถามว่าถ้าต้องการชงกาแฟเย็นสำหรับใส่ถ้วย 22 ออนซ์แต่ไม่อยากเอาเปรียบลูกค้า เหมือนบางร้าน(กาแฟ) ที่ชงด้วยสัดส่วนเหมือนถ้วย 16 ออนซ์เด๊ะหรืออาจจะชงน้ำเยอะขึ้นใส่นมมากขึ้นหรืออย่างไรก็เดากันไป ซึ่งท่านนี้รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากตัวเองที่ต้องชง Double Shot 14 กรัม 2 ครั้ง (ในใจลึกๆรู้สึกขาดทุนเห็นอยู่ตรงหน้า) ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดี ที่จริงถ้าเป็นเครื่อง Reneka เราจะแนะนำให้ใช้ ตะแกรง 21 กรัม เพื่อความสบายใจและถูกต้องต่อทุกฝ่าย แต่เนื่องจากท่านนี้ไม่ได้ใช้ Reneka จึงแนะนำให้ใช้วิธี Up Dose แทนพอกล้อมแกล้มได้บ้าง

อีกท่านหนึ่งมีพื้นที่วางเคาน์เตอร์เพียง 1 หัวชง แต่ปริมาณการขายมากจริงๆและลูกค้ากรูกันเข้ามาพร้อมๆกัน จะเปลี่ยนเป็น 2 หัวชง พื้นที่ก็ไม่มีจริงๆ ท่านนี้ถามว่าทำอย่างไรดี อันนี้ไม่ยากเพราะ Reneka มี "ของเล่น" ให้อยู่แล้ว จึงแนะนำให้ใช้ sieve 21 กรัม พร้อมทางไหลของน้ำกาแฟ 3 ทาง เสริฟ espresso พร้อมกัน 3 แก้ว จึงจบแบบ Happy Ending ด้วยประการฉะนี้

25.10.07

Celebes



สุลาเวสี หรือเดิมที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า เซเลเบส หนึ่งในหมู่เกาะของอินโดนีเซีย ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นหมู่เกาะใหญ่ๆ 3 หมู่เกาะ คือ Sunda, Lesser Sunda และ Moluccas. หมู่เกาะซุนดาถือเป็นหมู่เกาะที่มีขนาดใหญ่สุดประกอบด้วยเกาะต่างๆที่เราต่างรู้จักกันดี เช่น เกาะสุมาตรา, เกาะชวา, เกาะบอเนียว และสุลาเวสี
สุลาเวสี ที่ลักษณะภฺมิประเทศส่วนใหญ่ประกอบด้วยเทือกเขา ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุในดินและป่าฝน ในอดีตสุลาเวสีเคยเป็นแหล่งสมุนไพรที่สำคัญของโลก แต่ปัจจุบันสินค้ากาแฟกลับเป็นสินค้าที่สำคัญและขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก นักดื่มกาแฟทั่วโลกต่างยอมรับว่า สุลาเวสี เป็นหนึ่งในกาแฟที่ดีที่สุดเฉกเช่นเดียวกับกาแฟที่ได้จากเกาะสุมาตรา ส่วนมากแล้วนิยมผลิตกาแฟสารแบบ Natural ซึ่งจะให้ earth tone ให้บอดี้เต็ม เต็มไปด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Exotic เจือกลิ่นเครื่องเทศ

P&F Coffee ได้นำเข้ากาแฟคัดพิเศษจาก แหล่งปลูกที่ดีที่สุดของสุลาเวสี โดยแบ่งขายทั้งเมล็ดกาแฟดิบ และกาแฟคั่ว ขั้นต่ำ 200 กรัม ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 08 6789 2699












11.10.07

ก้าวไปอีกขั้นในฐานะที่ปรึกษาธุรกิจกาแฟ


วิทยาลัยดุสิตธานี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสถานศึกษาที่ประสิทธ์ประสาทความรู้และผลิตบุคลากรระดับคุณภาพให้กับอุตสาหกรรมโรงแรมบ้านเรามาช้านาน ปัจจุบันวิทยาลัยฯ แสดงความเป็นผู้นำในวิทยาการด้านการโรงแรมด้วยการร่วมกับสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างกอร์ดองเบลอในการสร้างหลักสูตรด้านการบริการอาหารในระดับนานาชาติ และวันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ P&F COFFEE ได้ร่วมกันกับวิทยาลัยฯ ในการให้บริการเครื่องดื่มเอสเปรสโซซึ่งทวีความสำคัญกับอุตสาหกรรมโรงแรมขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงหลักสูตรอบรมสำหรับบุคคลทั่วไปที่กำลังจะออกมาเร็วๆ นี้ ถือเป็นความภูมิใจของ P&F และเป็นโอกาสที่ดีในการร่วมกันเผยแพร่ความรู้เรื่องเอสเปรสโซให้ขยายออกไปในวงกว้าง


ติดตามความคืบหน้าของหลักสูตรอบรมกาแฟของวิทยาดุสิตธานีได้ที่นี่เร็วๆ นี้นะคะ
11-10-2007



6.10.07

Atalante..... Emotion espresso machine







Reneka International เป็นบริษัทผลิตเครื่องชงกาแฟคุณภาพสูงระดับโลก มีแนวคิดในการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องประสานกัน และเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภค เช่น

* รุ่นLC เพื่อการใช้งานที่ง่ายสมรรถนะสูงมีความคงทนดีไซน์สไตล์อิตาลี

* รุ่น VivaS เพื่อร้านกาแฟที่ต้องการความพิเศษที่เหนือกว่า ได้รวมเทคโนโลยีใหม่ไว้ภายใน ดีไซน์ สไตล์ Modern

* รุ่น VivaE รูปทรงเหมือน VivaS ผลิตขึ้นด้วย Concept ประหยัดงบประมาณ

* รุ่น XLPallas เหมาะกับร้านกาแฟที่ต้องการผลิตกาแฟต่อวันปริมาณมากๆ มีความคงทนสูง แข็งแกร่ง ดีไซน์สไตล์อิตาลี

*รุ่น Atalante (ออกเสียงว่า "อะตาลอง" ) เป็นสุดยอดเครื่องชงกาแฟยุคนี้ จากการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยี และดีไซน์ย้อนยุคแบบคลาสิคอิตาเลี่ยนสไตล์ retro

Atalante เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ภูมิใจนำเสนอ จากทีม Designer ทั้งรูปโฉมภายนอกและเทคโนโลยีภายใน หม้อต้มทองแดงขนาดความจุ 11 ลิตร เครื่องรุ่นนี้ถูกออกแบบด้วยแนวคิดแบบอิตาลี ที่ต้องการอุณหภูมิการชงที่สูงกว่ารุ่นอื่นๆของ Reneka จึงทำให้ประสบความสำเร็จมากในประเทศอังกฤษ และเยอรมัน รวมทั้งอีกหลายๆ ประเทศในยุโรป นอกจากเรื่องอุณหภูมิแล้ว Atalante ยังมีชั้นปรับระดับฐานวางถ้วยในขณะชงกาแฟ อย่างรู้ใจผู้ใช้งานเป็นอย่างดี

เฉพาะรุ่นนี้ทุกเครื่องที่ส่งออกไปถึงผู้ใช้จะสลักหมายเลขเครื่องด้วย แผ่นทองคำฝังเข้ากับตัวเครื่องและเก็บประวัติไว้อย่างภาคภูมิที่โรงงานสำหรับในเอเซียปัจจุบันเริ่มมีการนำเข้ามาใช้ในประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน เวียดนาม เป็นต้น













ท่านที่สนใจ นัดคุยรายละเอียดได้ที่ 02 2457999 หรือ
08 6789 2699 หรือ คลิก
http://www.pnfcoffee.com/










5.10.07

Yemen Mocha Ismaili


Yemen coffee คือ...

กาแฟที่เป็น Mocha แท้ๆ และเก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นที่ยอมรับในเรื่องรสชาติที่ดีที่สุดและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดในโลก มีคนเข้าใจผิดกันมาก ว่า Yemen Mocha ต้องมีรสของชอคโกแลต (Chocolate taste) แท้จริงแล้วคำว่า Mocha มีที่มาจากการที่กาแฟที่ปลูกในประเทศ Yemen ในช่วงหลายร้อยปีที่แล้วมีการผลิตที่น้อยมาก (ซึ่งจนปัจจุบันก็ยังน้อยอยู่) ได้มีการส่งออกไปขายปริมาณหนึ่งยังแถบประเทศในยุโรป โดยผ่านทางเมืองท่าเล็กๆของ Yemen ซึ่งตั้งอยู่บนทะเลแดงที่ชื่อ Mocha ชาวยุโรปที่ได้ชิมกาแฟที่ส่งจากเมืองท่า Mocha ต่างร่ำรือถึงรสชาติที่เป็นที่ถูกใจและเรียกกาแฟที่ผลิตจาก Yemen ว่า Yemen Mocha แม้ว่าจะปลูกในพื้นที่ใดของ Yemen ก็ตาม


เล่ากันว่าเม็ดพันธุ์นี้ได้ถูกลักลอบออกไปปลูกในประเทศต่างๆ เช่น อินเดียตะวันตก, อินโดนีเซีย และประเทศแถบคาริบเบียน มีการกล่าวอ้างว่ารสชาติที่ได้เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว รสชาติของกาแฟแต่ละแหล่งปลูกที่มีภูมิประเทศต่างกัน ภูมิอากาศแตกต่าง ความชื้น ลักษณะธาตุในดิน ย่อมทำให้กาแฟมีรสที่แตกต่างแน่นอน Yemen Mocha จากแหล่งปลูกดั้งเดิม จะปลูกอยู่ตามไหล่เขาที่สูงชันเหนือน้ำทะเล 6,00-7,500 ฟุต ซึ่งบริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่จะขาดแคลนปริมาณน้ำฝน ต้องอาศัยความชื้นเพื่อการเจริญเติบโต เป็นผลให้กาแฟของ Yemen มีขนาดเล็ก และแข็งมาก ขบวนการผลิตส่วนใหญ่แล้วจะทำแบบแห้งที่ไม่เหมือนใคร คือจะปล่อยให้เม็ดแห้งคาต้นเลยทีเดียว จากนั้นจะขี่หลังลาเลาะตามไหล่เขาค่อยๆเก็บทีละนิด และทะยอยนำลงมากระเทาะเปลือก


กาแฟดิบที่ P&F Coffee นำเข้ามาใช้ใน Blend ต่างๆ มาจาก Yemen Ismaili ซึ่งมีลักษณะ เม็ดเล็ก กลมคล้ายเม็ดถั่ว ถือเป็นเม็ดที่หายากมากที่สุดเนื่องจากมีการผลิตต่อปี เพียง 120 ตันสำหรับใช้ทั่วโลก กลิ่นและรสชาติ (Aroma & Flavour) ที่ซับซ้อนทั้ง winey, spicy, nutty, malty และ fruity รวมทั้งมี Acid หรือกรดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะทำให้กาแฟที่ได้มีรสน่าอภิรมย์ อีกทั้งให้ Body ที่หนัก ที่น่าแปลกความซับซ้อนที่ได้จะเริ่มปรากฏให้เห็นเมื่อหลังคั่วผ่านไปสัก 4-5 วัน อาจให้คำนิยามสั้นๆได้ว่า นุ่มนวลแต่ฉุนแบบเผ็ดร้อน (ฟังดูเหมือนจะตรงกันข้ามกันในความหมาย) หากความฉุนและเผ็ดร้อนนี้เป็นความหมายในทางที่ดี คือฉุนในกลิ่นที่หอมและมีเสน่ห์.........

ข้อมูลจาก Yemen Mocha Office Inc.

สอบถามรายละเอียด และนัดชิมได้ที่ หมายเลข 08 6789 2699








20.9.07

Metro Paris



คนที่มาลุยต่างแดนคนเดียวในที่ที่ไม่คุ้น มีข้อแนะนำสำหรับสาวๆ หากไม่รู้ทาง หรือต้องการถามทางที่จะไป กรุณาเลือกคนที่จะถามสักนิด ยิ่งเมืองที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วโลก ย่อมมีคนดีไม่ดีปะปนไป คนฝรั่งเศสด้วยกันยังเตือนถึงข้อนี้ ควรเลือกถามผู้หญิงที่มีอายุหน่อย หรือเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงาน จะดีที่สุด หรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในสถานที่นั้นๆ ยิ่งดี

มาถึงกรุงปารีส สิ่งที่ต้องเรียนรู้ให้เร็วที่สุดเห็นจะเป็นวิธีใช้รถไฟใต้ดิน หรือที่ Le Metro หากเข้าใจแล้วจะรู้สึกว่าชีวิตมันง่ายขึ้นเยอะ ไม่อย่างนั้นต้องลากสัมภาระอันหนักอึ้ง ขึ้นลงบันได เดี๋ยวขึ้นเลี้ยวซ้าย เดี๋ยวลง เลี้ยวขวา ให้รู้สึกว่าอยากเอาของในกระเป๋าทิ้งออกไปบ้างเลยล่ะ

วันนี้เรามาศึกษาวิธีใช้รถไฟใต้ดินกันดีกว่า เริ่มจาก ต้องมีแผนที่เส้นทางเดินรถก่อน สามารถหาได้ง่ายๆ จากหลายที่เช่น เคาน์เตอร์ในโรงแรม ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของที่ระลึก สถานีรถไฟ เป็นต้น เก็บไว้เป็นอาวุธคู่กายก็ว่าได้
จากรูปจะเห็น M ในวงกลมต่อด้วยตัวเลขต่างๆ ในวงกลม คือเส้นทางจะไปหยุดที่ไหนบ้าง เราก็พิจารณาไปว่า เราต้องการไปสถานีไหน ถามเจ้าหน้าที่ได้ว่า สมมุติเราจะไปพิพิธภัณฑ์ ลูฟว์ จะไปลงที่สถานีไหน เค๊าก็จะบอกว่าจากนี่ไปลงที่นั่น ต่อด้วยสายนั้น แล้วไปลงตรงโน้น เสร็จแล้วต่อสายโน้น ไปสายนี้ ฟังแล้วดูน่าสนุก พอไปผจญภัยเอง สนุกกว่าที่คิดอีกแน่ะ สังเกตให้ดีว่าเราอยู่สถานีไหน ดูที่บรรทัดบนสุด แล้วจะไปไหนดูป้ายที่ติดไว้ตรงทางแยก แล้วไปตามป้ายนั่นแหละ บางสถานีต้องลงไปใต้ดินหลายชั้น เลี้ยวซ้ายบ้าง เลี้ยวขวาบ้าง ก็ไม่ต้องท้อ หลงซัก 3 ครั้งก็คล่องแล้ว อ้อ ลืมไป เตรียมเศษเหรียญให้พร้อมล่ะ ทุกที่ที่จะไปราคาเดียวกันหมด ราคาตั๋วเที่ยวเดียวจะอยู่ที่ 1.4 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 65 บาท ดูแล้วถูกมากเพราะผู้เขียนนำไปเทียบกับน้ำเปล่าที่ขายตามริมทางเดินทุกที่ไม่มีต่ำกว่า 2 ยูโรเลย ถ้ารู้ว่าชีวิตจะอยู่ใต้ดินมากกว่าควรซื้อตั๋วเหมาเป็นวัน จริงแล้วถ้าธุระไม่มากเดินเท้าจะดีกว่า เพราะได้สัมผัสชีวิตผู้คนแบบใกล้ชิด และจะทำให้เราเก็บบรรยากาศมาฝากเพื่อนได้มากกว่าอยู่แต่ใต้ดินนะคะ

ส่วนในวงกลมที่มีตัวอักษรแบบอื่น เช่น RER ก็จะหมายถึงพาหนะแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่รถไฟใต้ดิน อาจจะเป็นรถไฟธรรมดา หรือ รถไฟด่วน หรือ รถราง ก็ได้ นึกชมคนออกแบบผังเมืองและผังการคมนาคมที่นี่ว่าออกแบบได้สุดยอดล้ำลึกเหลือคณา ผู้รับผิดชอบด้านนี้ในบ้านเราน่าจะได้ไปศึกษาอย่างจริงจังแล้วนำมาปรับแก้บ้างนิ ที่ต้องสังเกตอีกอย่างคือ รถไฟบางขบวนมันเก่ามากแล้ว อะไรที่มันเคยอัตโนมัติ บางทีมันก็เกเรเอาดื้อๆ เช่นประตูเป็นต้น หากมันไม่เปิดเอง ก็รีบๆกดคันโยกลงให้มันเปิด ที่ต้องรีบเพราะแต่ละขบวนมีเวลาจอดไม่เกิน 2 นาที ฉะนั้นอย่ายืนงงนานเกิน 1 นาทีเดี๋ยวจะลงไม่มัน ไม่มีใครมาคอยช่วยหรอกค่ะ ต้องช่วยตัวเอง และหากขบวนไหนแน่นมาก เค๊าห้ามใช้ที่นั่งริมประตู แม้ว่าจะนั่งมาหลายสถานีแล้วก็ตามหากยังไม่ถึงที่หมายแต่บังเอิญคนดันแห่กันเข้ามาต้องรีบยืนขึ้น



มีอีกเรื่องให้สังเกต เผื่อจะได้มีเวลาชมเมืองเยอะขึ้นไม่ต้องเสียเวลาหา ผู้เขียนได้ถ่ายรูปลักษณะทางเข้า Metro ไว้บ้างหลายๆแบบ เพราะมันจะไม่เหมือนกันไปซะหมด ถ้าเห็นคำว่า Metro หรือ สัญญลักษณ์อย่างในรูปก็ใช่เลยลุย......



11-07-2007

18.9.07

กระแสจตุคาม

ตั้งแต่ปลายปี 49 จวบจนใกล้ปลายปี 50 นี้ ทุกคนคงจะเห็นพ้องต้องกันว่า องค์จตุคามรามเทพ ท่านแรงสุดๆ เผื่อแผ่สะพัดไปจนหลายธุรกิจได้รับผลกระทบมากบ้างน้อยบ้าง เกี่ยวบ้างไม่เกี่ยวบ้าง ที่ไม่เกี่ยวก็เอามาจนเกี่ยวจนได้ แต่ละไอเดียสุดแสนจะงัดกันออกมาแข่ง นี่ก็เพิ่งแว่วว่าจตุคามบางรุ่น ทำพิธีกัน 3 ภพเลยทั้งน้ำ ทั้งบก และบนฟ้า หรือล่าสุดนี่เลยเอาซากศพทารกที่ญาติโยมมาฝาก "ฝัง" ไว้ที่วัดเอามาทำมวลสาร คนแห่แย่งกันแทบไม่เชื่อว่าคนไทยจะเป็นกันขนาดนี้ ......เอ้า....เปลี่ยนเรื่องดีกว่า.......


มาเยือนนครศรีธรรมราชวันนี้ ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยแผ่นป้ายโฆษณาจตุคามรุ่นต่างๆลานตาไปหมด ตึกรามร้านรวงต่างๆ ทำธุรกิจเกี่ยวกับองค์จตุคาม ทั้งรับบดมวลสาร ศูนย์รับแลกเปลี่ยน ศูนย์กระจายองค์เทพ นึกไม่ออกเลยว่าตึกเหล่านี้เคยประกอบกิจการใดกันมาบ้าง

ในเมื่อมาถึงถิ่นจตุคามแล้ว ขอถือโอกาสแวะไปนมัสการ วัดมหาธาตุวรวิหาร โดยลูกค้าท่านหนึ่งของพี แอนด์ เอฟ อาสาพาชมเมือง เล่าว่าบันไดหน้ามหาวิหารชำรุดแล้ว จากการที่มหาชนแห่กันเข้าไปร่วมพิธีปลุกเสกจตุคามรุ่นแล้วรุ่นเล่า กระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องขึงเชือกไว้พร้อมติดป้ายห้ามขึ้นเพราะเกรงว่าบันไดจะทรุดไปกว่านี้

ที่วัดแห่งนี้มีระฆังที่ไม่มีไม้ให้ตี สืบเนื่องจากทางวัดต้องการเชื้อเชิญผู้มาเยือนพิสูจน์บุญกัน ใช้มือลูบให้เกิดเสียง นัยว่าบางท่านบุญหนักเสียงจะดังกังวานลั่นวัดเชียว แต่ถ้าใครบุญน้อยก็จะไม่มีเสียง จากนั้นก็แวบมาชมกระดูกปลาวาฬอายุหลายหมื่นหลายแสนฝน เห็นแล้วสะท้อนใจที่คนมือบอน ละเลงชื่อโคตรเง่าเหล่ากอไว้เต็มไปหมด ทั้งๆที่มีป้าย "ห้ามเขียนลงบนกระดูกปลาวาฬ" ชัดเจนออกอย่างนั้น

....ใครที่เป็นลูกหลานนครศรีธรรมราช เขียนมาเล่าให้ฟังกันบ้าง ว่าแนวโน้มจาตุคามที่แรงจัดอย่างนี้ ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง และคนที่นั่นมองอนาคตอย่างไรกันบ้าง เผื่อบางทีคนจรอย่างเรามีเวลาอยู่ที่นั่นไม่กี่ชั่วโมง อาจมองสิ่งใดผิดไปก็ได้ ...............















9.9.07

โครงการหลวงเฉลิมพระชนมายุ 80 พรรษา

พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ได้โอกาสมีส่วนร่วมในงาน "โครงการหลวง เฉลิมพระชนมายุ 80 พรรษา" ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างหลายๆ โครงการในพระราชดำริ อาทิ มูลนิธิโครงการหลวง โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และโครงการส่วนพระองค์ในหลายโครงการ เหล่าบรรดาพสกนิกร จะได้สัมผัสพระอัจฉริยภาพแห่งองค์เหนือเกล้าของชาวไทย งานนี้ได้จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 4-9 กันยายน ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ถ.พระรามที่ 1 โดยงานจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ Atrium Zone มีพื้นที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่สวยงาม ส่วนที่สองคือ Eden Zone ร่วมกันชื่นชมภาพถ่ายตามรอยพระยุคลบาท ที่พระองค์ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารต่างๆทั่วไทย ใน The Royal Exhibition จากนั้นสนุกสนานในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ประดิษฐ์จากดอกไม้ หรือผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง หากท่านใดสนใจเรื่องอาหารการกิน ก็เชิญที่ ส่วนที่สามของงานคือ Forum Zone ท่านจะได้ลิ้มรสอาหารฝีมือพ่อครัวเอกจากโรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ของกาแฟโครงการหลวง ในงานนี้ พี แอนด์ เอฟ คอฟฟี่ ได้รับเลือกให้นำเครื่องชงกาแฟ Reneka บริการกาแฟแด่ผู้มาเที่ยวชมงาน ในโอกาสนี้แว่วว่า "กาแฟดอยคำ" (ทางการค้าเดิม) ได้เปลี่ยนรูปโฉมใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น ด้วยเฉดสีที่ดูสดใส และเริ่มเปลี่ยนชื่อเป็น "กาแฟโครงการหลวง" ผู้เขียนได้ไปเยี่ยมชมงานในเช้าของวันแรกเห็นหลายบูธน่าสนใจ อดภูมิใจในความเป็นไทยไม่ได้ ของดีๆ ของไทยยังมีอยู่มากมาย ที่หลายชาติแอบอิจฉาอยู่ในใจ ที่ภูมิใจที่สุดเพราะเรามีองค์พระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถ และประเทศเรายังคงมีความอุดมสมบูรณ์ เหลือก็แต่เพียงดึงสิ่งที่มีและนำออกมาเสนอสิ่งที่ดีนั้นออกสู่สายตาชาวโลกด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของไทยเท่านั้น

26.8.07

Select by degree of roast

การเลือกซื้อเลือกใช้เมล็ดกาแฟอาจเป็นไปตามวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ 1.ซื้อเพื่อนำมาชงดื่มเอง 2.ซื้อเพื่อนำมาชงจำหน่าย มือใหม่หลายคนที่อยากได้แนวคิดในการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟแบบง่ายๆ สั้นๆ คงต้องทำความเข้าใจกับระดับการคั่วกาแฟไว้บ้างในเบื้องต้น

P&F แบ่งกลุ่มระดับการคั่วที่มีอยู่ในตลาดกาแฟเป็น 4 กลุ่มคือ อ่อน กลาง เข้ม และไหม้ตามลำดับ ซึ่งมีข้อสังเกตง่ายๆ ไว้เป็นพื้นฐานดังนี้
1.ระดับคั่วอ่อน เมล็ดสีอบเชย ผิวเมล็ดแห้ง หอมกาแฟ รสชาติอ่อน เปรี้ยวชัด คาเฟอีนสูง
2.ระดับคั่วกลาง เมล็ดสีน้ำตาลเข้มขึ้น ผิวเมล็ดยังแห้งหรือออกมันนิดๆ ยังหอมกาแฟแต่กลิ่นเข้มขึ้น กรุ่นมากขึ้น รสชาติเต็มขึ้น เปรี้ยวน้อยลง ความขมเล็กน้อย คาเฟอีนลดลง
3.ระดับคั่วเข้ม เมล็ดน้ำตาลเข้มถึงเกือบดำ ผิวเมล็ดออกมัน หอมกาแฟน้อยลงแต่มีกลิ่นอบอวลหรือกลิ่นควันปนเข้ามา แทบไม่รู้รสเปรี้ยวแล้ว มีความขมชัดเจน คาเฟอีนเหลือน้อยมาก
4.ระดับคั่วไหม้ มี 2 แบบคือ ไหม้ทั้งเมล็ด หรือไหม้บางส่วน หากไหม้ทั้งเมล็ด เมล็ดจะมีสีดำเข้ม ไม่มีกลิ่นหอมกาแฟ แต่กลิ่นควันอบอวล ให้รสชาติขมไหม้ คาเฟอีนไม่เหลือแล้ว และหากเป็นแบบไหม้บางส่วน เมล็ดอาจมีเข้มหรือสีอ่อนก็ได้ แต่เมื่อชงออกมาจะได้รสขมไหม้และกลิ่นควันปนออกมามาก

สำหรับการตัดสินใจว่าจะเลือกระดับใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ แล้วแต่รสนิยมและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เช่นระดับคั่วอ่อนนิยมชงแบบตกตะกอนหรือ steeping เพื่อสัมผัสรสชาติของกาแฟที่ติดตัวมาจากแหล่งปลูก เป็นที่ใช้กันกว้างขวางในหมู่ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ค้ากาแฟดิบมืออาชีพ ระดับคั่วกลางนิยมนำมาชงในแบบเอสเปรสโซจะทำให้รสชาติกลมกล่อมและไม่เปรี้ยวเกินไป ส่วนระดับคั่วเข้มนั้นนิยมนำมาชงแบบเอสเปรสโซเพื่อใช้ในเมนูที่ต้องผสมนม และระดับคั่วไหม้ยังอาจเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ดื่มกาแฟเย็นใส่นมข้น

ทั้งนี้การเลือกซื้อเลือกใช้เมล็ดกาแฟคงต้องใช้ระดับการคั่วนี้เป็นแนวคิดกว้างๆ แต่ที่สุดแล้วเราต้องนำเมล็ดกาแฟที่สนใจนั้นมาทดลองใช้งานและชิม เพื่อเปรียบเทียบและตัดสินใจได้ในที่สุด

18.7.07

grinder is essential

ในหลัก 4 M ที่เป็นหัวใจของการทำ italian espresso ที่ดี M ตัวหนึ่งในนั้นคือ macina dosatori หรือเครื่องบดนั่นเอง เนื่องจากการคั้นกาแฟแบบเอสเปรสโซเราต้องการกาแฟที่บดละเอียดมาก หากเครื่องบดไม่ได้ถูกออกแบบหรือถูกผลิตมาเป็นอย่างดีแล้ว คุณภาพของกาแฟในถ้วยจะไม่สามารถแสดงความอร่อยมหัศจรรย์ออกมาได้เลย

P&F COFFEE ได้เลือกจำหน่ายเครื่องบด eureka ที่ผลิตจากฟิเรนเซ่ อิตาลี หลายคนอาจไม่คุ้นหูมาก่อน หากแท้ที่จริงแล้ว eureka เป็นผู้ผลิตที่เชี่ยวชาญการผลิตเครื่องบดสำหรับเอสเปรสโซมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว ทั้งภายใต้แบรนด์ eureka เอง รวมถึงภายใต้ตราสินค้าอื่น ในตลาดเมืองไทยเราอาจเห็นภายใต้ยี่ห้อ Nuova Simoneli ซึ่งอาจมีรายละเอียดของงานหรือ specification ที่ต่างไปบ้างเพื่อทำให้มีต้นทุนที่ต่ำลง แต่ eureka มิได้ทำได้แต่เพียงเรื่องลดต้นทุนเท่านั้น หากเราต้องการยอดเครื่องบดโดยไม่เกี่ยงต้นทุน eureka ก็สามารถผลิตให้ได้ ดังจะเห็นได้จากการผลิตให้ La Marzocco ยอดเครื่องเอสเปรสโซเพื่อนร่วมเมืองเดียวกัน เพื่อใช้เป็น sponsor ในการแข่งขัน world barista championship เมื่อปี 2004 ที่ Trieste ถิ่นเกิดของเอสเปรสโซ

La Marzocco เลือกใช้รุ่น MDL จาก eureka ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ใบมีดแบบ conic หรือแบบกรวย ให้อนุภาคของกาแฟบดสม่ำเสมอ บวกกับการปรับแบบ stepless โดยใช้ knob ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อให้ง่ายต่อการปรับความหยาบละเอียดของผงกาแฟ

โดยปกติแล้วในการแข่งขันระบบของ WBC จะอนุญาติให้ผู้แข่งสามารถนำเครื่องบดมาเองได้ หากไม่ต้องการใช้เครื่องที่ผู้จัดเตรียมไว้ให้ และสามารถใช้เครื่องบดได้ไม่เกิน 2 ตัว นอกจากนี้ผู้แข่งขันสามารถใช้เมล็ดกาแฟต่างกันได้ในแต่ละ catagory คือเอสเปรสโซ แคปปูชิโน่ และsignature drinks(แต่ catagory เดียวกันต้องใช้เมล็ดกาแฟตัวเดียวกัน) แต่จะเห็นว่าที่ผ่านมานั้น barista นิยมใช้เมล็ดตัวเดียว และเครื่องบดเพียงเครื่องเดียวเท่านั้น อาจเพราะสะดวกสบายกว่าและไม่ยุ่งยาก

อย่างไรก็ตามในปี 2004 นั้นชัยชนะตกเป็นของบาริสต้าที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและความพยายามนาม Tim Wendelboe โดยเขาได้ให้ความวางใจเลือกใช้ eureka ที่ผู้จัดการแข่งขันเตรียมไว้ให้ถึง 2 เครื่อง เพื่อเตรียมเครื่องดื่มที่ยอดเยี่ยมทั้ง 12 ถ้วยกวาดคะแนนไปอย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นการแสดงที่ทำให้เห็นว่าการทำกาแฟเอสเปรสโซนั้นเป็นศิลปะขั้นสูงอย่างแท้จริง ภาพเหล่านั้นยังติดอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้บาริสต้ารุ่นต่อมาอีกมากมาย

5.7.07

reneka LC

ใน product range ของ reneka นั้น รุ่น LC ถูกวางไว้สำหรับคนที่มองหาเครื่องที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ หรือ simple and efficient โดยออกแบบให้ไม่พึ่งพาอิเลคทรอนิคส์ หรือกลไลที่ซับซ้อนมากนัก แต่สามารถผลิตกาแฟที่คุณภาพสูงสุดได้เสมอ
LC ถูกปรับปรุงโฉมครั้งล่าสุดเมื่อกลางปี 2006 เป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลายคน โดยเฉพาะตัวสีแดง ferrari ให้ความรู้สึกเร้าใจแฝงความสุขุมคลาสสิคสไตล์อิตาเลี่ยน
สำหรับผู้ที่สนใจโทรนัดเพื่อทดสอบเครื่องได้ที่ 0867892699

3.7.07

pump pressure profiling


โดยทั่วไปการชงเครื่องดื่มจำพวกชาหรือกาแฟ "อุณหภูมิ" ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการสกัดคั้นรสชาติออกมา แต่ถ้าพูดถึงการชงด้วยเครื่องเอสเปรสโซซึ่งต้องใช้แรงดันของน้ำสูงมากๆ นอกจากอุณหภูมิในการคั้นแล้ว "ความดัน" ของน้ำยังเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน
หากดูตามตำราเอสเปรสโซ ความดันของน้ำจะแนะนำให้ใช้อยู่ช่วงประมาณ 8.5 ถึง 9 บาร์ ซึ่งตามปกติโรงงานผู้ผลิตเครื่องจะปรับตั้งมาเป็นอย่างดี และผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องปรับอะไรอีก แต่สำหรับบาริสต้าที่คาดหวังคุณภาพสูงสุดยังอาจพยายามหาความแตกต่างของรสชาติ จากความดันการคั้นที่ต่างกัน ด้วยสมมติฐานที่เชื่อว่าเมล็ดกาแฟแต่ละตัวอาจต้องการแรงดันการคั้นต่างกันไป ดุจเดียวกับการคั้นที่อุณหภูมิต่างกัน ย่อมให้รสชาติที่ต่างกันไป

ดังนั้นในเครื่องเอสเปรสโซของ reneka เกือบทุกรุ่นจึงออกแบบให้ปั๊มน้ำอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการปรับแต่ง บาริสต้าสามารถปรับได้โดยไม่ต้องถอดฝาเครื่องเพียงแค่เปิดปุ่มเล็กๆ ด้านข้างแล้วใช้ไขควงปรับได้เลย


อย่างเช่นครั้งนี้เราลองทดสอบกาแฟตัวเดียวกัน ที่ความดันหม้อต้มน้ำเท่าเดิม แต่ใช้ความดันปั๊มน้ำเปลี่ยนไป โดยครั้งแรกให้ความดัน 8 บาร์ และครั้งหลังให้ความดัน 11 บาร์ แล้วทำการชิมทดสอบเปรียบเทียบกัน

กาแฟที่ใช้เป็นกาแฟ old crop จากเชียงราย ที่เมล็ดเริ่ม fade แล้ว คั่วถึงเพิ่งเริ่มแคร็กครั้งที่สอง ผลที่ได้คือที่ความดันปั๊มน้ำ 8 บาร์ให้รสชาตินุ่มนวล บอดี้กลางๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ในขณะที่ความดัน 11 บาร์จะให้บอดี้มากขึ้นชัดเจน อซิดิตี้ออกมามากขึ้น แต่ defect ที่ซ่อนอยู่ก็ถูกขับออกมาด้วย ให้รสชาติติดคอมากกว่า แต่เป็นรสชาติที่ไม่ค่อยดีนัก สำหรับกาแฟตัวนี้น่าจะลองที่ความดันประมาณ 9 บาร์อีกสักครั้ง อาจจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าสองถ้วยนี้

27.6.07

P&F ESPRESSO

เบลนด์กาแฟที่ P&F จำหน่ายมากที่สุดตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือ P&F Special Blend มีลักษณะโดดเด่นคือมีน้ำหนักหรือบอดี้กาแฟมาก ไม่ขมไหม้ และไม่ขมขื่นจากโรบัสต้ามากนัก เราเสนอเป็นทางเลือกท่ามกลางตลาดเมืองไทยที่นิยมกาแฟคั่วเข้มมากๆ P&F ต้องต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง เราต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าอย่างยากลำบากถึงสไตล์กาแฟที่เราทำกว่าจะได้การยอมรับ จนกระทั่งในช่วงหลังมานี้กาแฟคั่วอ่อนลงค่อยๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นบ้าง และแนวโน้มที่น่าสังเกตก็คือในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี้ Espresso Blend ซี่งเป็นเบลนด์พรีเมี่ยม ของเราได้ถูกเลือกใช้ในร้านกาแฟมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งนั้นคือผู้ประกอบการที่ให้บริการกาแฟให้ความสำคัญกับรสชาติกาแฟมากขึ้น ยอมขยับต้นทุนขึ้นเพื่อโอกาสในการแข่งขันที่มากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งคือผู้ให้บริการกาแฟที่เคยใช้กาแฟแบรนด์ต่างประเทศหันมาให้โอกาสกาแฟจากโรงคั่วไทยมากขึ้น

P&F Espresso Blend ของเราถูกออกแบบให้เป็นเบลนด์ที่น้ำหนักดี ในขณะที่ให้กลิ่นหอมชัดเจน ซึ่งเป็นผลจากการผสมผสานของแปลงปลูกที่คัดสรรคุณภาพทั้งจากไร่กาแฟในประเทศไทยทั้งเชียงรายและเชียงใหม่ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านในหลายๆประเทศ มีกลิ่นที่ดีนุ่มนวล มีน้ำหนักหรือบอดี้มาก



เราใช้กาแฟจาก 6 แหล่งปลูก 3 สายพันธุ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยหนึ่งในนั้นมี กาแฟชั้นพิเศษอันเลื่องชื่อจากอินเดียรวมอยู่ด้วย ทำหน้าที่เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มปริมาณครีมา และเพื่อรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น






Espresso คั่วด้วยความร้อนปานกลาง ใช้เวลานานกว่าการคั่วปกติเล็กน้อยเพื่อจูนอซิดิตี้หรือลดรสเปรี้ยวในกาแฟลง ดุจเดียวกับการลบเหลี่ยมคมให้กลมมนขึ้นในงานประติมากรรม






ผลลัพธ์คือ กาแฟเอสเปรสโซสไตล์อิตาเลี่ยนที่หอมแรง ขมน้อย ครีมาหนาแน่นสีน้ำตาลแดง รสชาติเปรี้ยวนิดหวานหน่อยอร่อยติดปากติดคอ ดื่มได้ทั้งแบบใส่หรือไม่ใส่น้ำตาล หากเป็นกาแฟใส่นมอาจดูเบาไปนิด เนื่องจากไม่ได้คั่วเข้มนัก แต่ได้รสชาติกลมกล่อมดื่มได้สบายๆ


สนใจชิมกาแฟ นัดได้ที่คุณศิรฎา โทร. 08 6789 2699









25.6.07

without compromise in quality !

เวลาผ่านไปเหมือนโบยบิน กว่า 1 ปี แต่เหมือนเพียงเมื่อวาน การได้รู้จักกับ Sunalini Menon ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตบนเส้นทางกาแฟ ท่านเป็นอาจารย์ที่มีความเป็น "ครู" สูง แค่อยู่ใกล้ก็จะได้รู้สึกถึง passion อย่างเปี่ยมล้น และถูกถ่ายทอดออกมาเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างได้มุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อพัฒนาคุณภาพอย่างไม่ลดละ เราได้รับทั้งความรู้ และข้อคิดจากท่านมากมาย เพื่อนำมาใช้ในงานของเรา โดยหลักสำคัญที่สุดก็คือ การที่ต้องสำนึกตลอดเวลาว่า

"คุณภาพ ไม่ใช่เรื่องที่จะประนีประนอมกันได้"

15.6.07

after sales service



ในโรงงาน reneka ที่สตราสบูรก์ ตอนเหนือของฝรั่งเศสยังคงเก็บรถบริการคันเก่าไว้ เพื่อเป็นที่ระลึกเตือนใจถึงการให้ความสำคัญของการบริการหลังขายเพื่อมอบความมั่นใจสูงสุดแก่ลูกค้า ข้อความนี้เป็นเหมือน short message ที่ส่งตรงถึง P&F COFFEE ในการยึดถือและให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดเพื่อทำให้ผู้ใช้ reneka ชาวไทยได้วางใจ โดยแนวทางของเราคือ การสร้างระบบ technician training ที่เข้มข้น ความเข้มงวดในการติดตั้ง และการให้ความรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ รวมถึงการเปลี่ยน supplier ใน part ที่มีปัญหาทั้งหมด






แน่นอนว่าเครื่อง espresso ถือเป็นเครื่องจักรที่ต้องมีการเสื่อมสภาพ สึกหรอ และเสียได้ แต่ด้วยความมุ่งหวังของเรา reneka ในเมืองไทยจะต้องเป็นเครื่องที่เสียยากที่สุด เสื่อมสภาพช้าที่สุด และได้รับการแก้ปัญหาเร็วที่สุด ให้สมกับความทุ่มเทที่โรงงานผู้ผลิตได้พยายามตลอดเวลา 75 ปีที่ผ่านมา