27.9.08

เลือกเครื่องชงกาแฟอย่างไรให้เหมาะกับทำเล


มีลูกค้ามากมายที่โทรเข้ามาถามเรื่องของเครื่องชงกาแฟ บางท่านถามราคาเสร็จก็จะบอกว่าแล้วจะเก็บไว้พิจารณา บังเอิญวันก่อนถามลูกค้ากลับไปว่าจะพิจารณาจากเรื่องอะไรบ้าง ท่านก็ตอบว่ายังไม่รู้เหมือนกันดูไปเรื่อยๆ ตามประสบการณ์ส่วนมากก็จะเทียบราคาก่อน โดยอาจจะไม่ทราบว่าในบรรดาเครื่องชงกาแฟ ไม่ว่า 1 หัวชง หรือ 2 หัวชงนั้นมองปราดเดียวอาจจะไม่ทราบความแตกต่างมากนัก (ในที่นี้หมายถึงช่วงราคาที่ใกล้เคียงกัน) บางท่านก็สอบถามฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆของเครื่องถ้าฟังก์ชั่นมากมายก็จะพิจารณาไว้เป็นอันดับต้นๆ
ในความเป็นจริงแล้วการเลือกเครื่องชงกาแฟนั้น จะสามารถเลือกได้จากวัตถุประสงค์การใช้งานของเครื่อง สำหรับบางทำเลเปิดขายกาแฟวันละ 8 ชั่วโมงมีลูกค้ามาชั่วโมงละ 10 คนโดยทยอยกันมาทีละคนรวมทั้งวันมียอดขาย 80 แก้วโดยพฤติกรรมของลูกค้าสำหรับร้านนี้ไม่รีบร้อน ก็สามารถเลือกใช้เครื่อง 1 หัวชงที่มีหม้อต้มตั้งแต่ 1 ลิตรขึ้นไป แต่ถ้าบังเอิญทำเลดังกล่าวมีลูกค้ามากกว่าครึ่งสั่งกาแฟร้อนที่ต้องเป่าโฟมนม เครื่องที่มีหม้อต้มตั้งแต่ 1 ลิตรนี้ก็ไม่เหมาะสมเสียแล้ว เมื่อเทียบกับอีกทำเลหนึ่งที่มีลูกค้ามาเฉพาะช่วงเวลา เช่นเที่ยงวัน หรือบ่ายโมง มีช่วงการขายพร้อมๆกันและทุกคนรีบร้อนมาก เครื่องชงหัวเดียวคงจะไม่พอแน่แม้ว่าจะเลือกใช้หม้อต้มตั้งแต่ 5 ลิตรขึ้นไปก็ตาม หากทำเลท่านเป็นอย่างนี้สมควรที่จะเลือกเครื่อง 2 หัวชงจะเหมาะสมกว่า


สำหรับเครื่องชง Reneka จะมีให้เลือกหลายรุ่นเพื่อความเหมาะสมของทำเลและวัตถุประสงค์ เช่น VivaS Compact มี 1 ท่อเป่านม 1 ท่อจ่ายน้ำร้อน ขนาดเครื่องยาว 59 ซม. เพื่อให้พนักงานชงยืนเพียงคนเดียวควบคุมการชงทั้งสองหัว การเคลื่อนตัวเพื่อเป่าโฟมนมและกดน้ำร้อนเพียงแค่ 1 ข้อศอก สำหรับการชงอย่างต่อเนื่องไม่ต้องหยุดพักภายใน 100 แก้วต่อชั่วโมง หากทำเลไหนที่มีปริมาณการชงมากกว่านี้และมีพนักงานชง 2 คนก็จะเลือกใช้ VivaS710 ที่มีขนาดยาว 71 ซม. มี 2 ท่อเป่านม 1 ท่อน้ำร้อน ซึ่งลักษณะนี้จะต้องมีเครื่องบดแยก 2 ด้าน ปริมาณการชงต่อเนื่องไม่หยุดภายใน 1 ชั่วโมง 160 แก้วเป็นอย่างน้อย (การคำนวณนี้เป็นปริมาณขั้นต่ำโดยคิดจากการกลั่นน้ำกาแฟประมาณ40วินาทีต่อแก้วสำหรับกาแฟเย็น)
เฉพาะเครื่องชง Reneka นั้นยังได้ออกแบบแต่ละ Model ให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งาน ซึ่งแต่ละรุ่นมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงมิใช่แค่ราคาที่แตกต่าง เครื่องรุ่น VivaS นั้นออกแบบมาสำหรับทำเลที่เจ้าของกิจการอาจจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่ร้านดูแลร้านเอง จึงต้องมีการตัวเลขที่มีการบันทึกการขายที่ละเอียดแม่นยำ สามารถบันทึกรายงานขายในแต่ละรอบ เครื่อง VivaS มีระบบ PID ที่ให้ความมั่นใจกับบาริสต้าว่า shot กาแฟแต่ละแก้วต้องผ่านอุณหภูมิที่ตั้งไว้เท่ากันทุกถ้วย ในบางทำเลที่ต้องการประหยัดค่าแรงพนักงานในแต่ละวันประมาณ ครึ่งชั่วโมงจะใช้ฟังก์ชั่นตั้งเวลาเปิดเครื่องอัตโนมัติ สามารถระบุวันที่ร้านหยุดประจำสัปดาห์ได้ และตั้งเวลาให้เครื่องเข้าสู่โหมดประหยัดไฟได้ เรียกว่าปุ่ม ECO หรือ Stand by อุณหภูมิในหม้อต้มจะลดลงจากที่ตั้งไว้ลงมาที่ 80 องศาเซลเซียส และจะใช้เวลาไม่กี่นาทีกลับไปที่อุณหภูมิที่ตั้งไว้เหมือนเดิม ส่วนของปั๊มน้ำก็เป็นแบบ Magnetic ซึ่งถือว่าเดินเครื่องเงียบที่สุดในบรรดาปั๊มที่มีอยู่ในเครื่องทั่วไป นอกจากฟังก์ชั่นมากมายที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว Reneka ยังได้ผลิตเครื่องชงกาแฟรุ่นที่มีสมรรถนะในการชงสำหรับชงต่อเนื่องโดยยังคงรักษาอุณหภูมิการชงได้สม่ำเสมอแต่ไม่มีลูกเล่นเรื่องการตั้งเวลาอัตโนมัติ ไม่มีจอบันทึกรายการขาย เช่นรุ่น LC , VivaE และรุ่นใหม่ล่าสุด Mosaic เป็นรุ่นราคาประหยัดเพื่อเหมาะสมกับประเทศไทย จากการวิเคราะห์วิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยพบว่า ปริมาณการดื่มกาแฟต่อคนต่อวันเทียบกับประชากรในทวีปยุโรปนั้นเรายังบริโภคในปริมาณที่น้อยมาก ด้วยเหตุผลนี้ เครื่อง Mosaic เหมาะสำหรับทำเลที่มีปริมาณการชงต่อเนื่องประมาณชั่วโมงละ 50 แก้ว มีให้เลือกแบบหัวชงต่ำ วัดจากถาดน้ำทิ้งถึงหัวชง 84 มม. หรือทำเลใดที่ต้องการใช้ถ้วยที่มีขนาดสูง ก็สามารถเลือกแบบที่มีหัวชงสูง โดยวัดจากถาดน้ำทิ้งถึงหัวชงที่ 145 มม.ด้วยประสิทธิภาพการชงกาแฟที่ดีได้อย่างน่าทึ่งสำหรับงบประมาณที่จ่ายเพียงแสนต้นๆสำหรับ 1 หัวและไม่ถึงแสนห้าสำหรับเริ่มต้นที่ 2 หัว compact

กับอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตว่าระหว่าง Reneka ซึ่งเป็นระบบแลกเปลี่ยนความร้อนกับเครื่องชงพวกระบบหม้อต้มมากกว่า 1 ใบ(double/multi boiler)อย่างไหนดีกว่ากัน อยากอธิบายว่าในปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าเครื่องระบบไหนสามารถชงกาแฟได้ดีกว่า การเปรียบเทียบนั้นเราควรเปรียบเทียบเครื่องโดยระบุให้ชัดลงไปว่าต้องการเปรียบเทียบเครื่องยี่ห้อใดรุ่นใดกับเครื่องยี่ห้อใดรุ่นใด การเปรียบเทียบที่ยุติธรรมคือการนำทั้งสองเครื่องนี้มาตั้งคู่กัน ปรับตัวแปรอื่นๆ ให้เหมือนกันทั้งหมด และมีการใช้อย่างต่อเนื่องสักช่วงเวลาหนึ่ง ชิมกาแฟแต่ละถ้วยที่ทำออกมา หากทำได้ดังนี้เราอาจจะพอรู้ได้ว่าเครื่องใดให้รสชาติกาแฟได้ดีกว่ามีความสม่ำเสมอมากกว่า สำหรับเรเนก้าที่พีแอนด์เอฟจัดจำหน่ายมาเป็นเวลาหลายปีเราทำการทดสอบอย่างสม่ำเสมอ และสอบถามจากลูกค้าผู้ใช้เรเนก้านับร้อยราย ได้รายงานถึงความประทับใจและความไว้ใจในการผลิตกาแฟได้เป็นอย่างดี เป็นการยืนยันว่าเทคโนโลยีการออกแบบระบบการผลิตกาแฟของเรเนก้าที่ควบคุมความร้อนและความดันในหม้อต้มน้ำอย่างแม่นยำ การวางกระบอกแลกเปลี่ยนความร้อนในแนวนอนเชื่อมต่อกับหัวกรุ๊ปทองเหลืองขนาดใหญ่สามารถชดเชยความร้อนระหว่างหม้อต้มและหัวกรุ๊ปเพื่อรักษาเสถียรภาพของอุณหภูมิในการชงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความมั่นใจในการชงกาแฟขั้นสูงสุดให้กับบาริสต้ามืออาชีพทุกท่าน

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และทดสอบเครื่องชงกาแฟเรเนก้าทุกรุ่นได้ที่ P&F Coffee

4 comments:

Anonymous said...

อยากได้ Reneka เหมือนกัน แต่ขอเก็บเงินก่อน... T-T

wan said...

ถ้าซื้อรุ่นmosaicเดือนนี้ ได้ข้อเสนออะไรบ้างค่ะ

Unknown said...

ขอบคุณครับพี่ไนซ์ เขียนได้กระจ่างดีมากครับ
ไว้จะแนะนำให้ลูกค้าเข้ามาอ่าน

Unknown said...

ได้ยินมาว่ามีเครื่องชงกาแฟ แบบอัตโนมัติ ที่ไม่ต้องอัดผงกาแฟ แบบนั้นดีไหมคะ ต่างกับแบบมีถ้วยไว้อัดผงกาแฟ และมีด้ามจับยังไงคะ