2.7.08

เมื่อพี่ใหญ่คลอนแคลน เราเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้าง

เมื่อเช้ารู้สึกตกใจกับข่าว พี่ใหญ่ Starbuck ประกาศปิดสาขาในประเทศสหรัฐไปทั้งสิ้น 600 สาขาจาก 7,100 สาขาจากทั่วโลก พนักงานไม่น้อยกว่า 12,000 คนต้องออกจากงาน ด้วยเหตุผล ที่ทุกคนในโลกใบเล็กนี้กำลังประสบอยู่คือน้ำมันแพง ค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายได้ลด เหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Starbuck ต้องปิดสาขาจริงหรือ ความเห็นของผู้คนจากทั่วโลก เมื่อ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา ค่อนข้างดุเดือด หลากหลาย






ผู้เขียนนำความเห็นของหลายๆท่านมาเป็นแง่คิด วิเคราะห์เหตุของการถดถอยในครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการที่ผู้ดื่มนับวันได้รับรู้ ได้ลิ้มลอง กาแฟจากโรงคั่วเล็กๆที่มีคุณภาพที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแบรนด์ดังระดับโลกที่เรารู้จักกันดีมาช้านาน อย่างอิลลี่ เช่น intelligentsia , coffeecollective, coffeebean& tealeave เป็นต้น ทำให้เริ่มรู้จัก แยกแยะสิ่งที่ตัวเองชอบ ชอบมากกว่า ชอบน้อยกว่า มีการเปรียบเทียบมากขึ้น เข้าใจกาแฟมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เริ่มปรากฏในประเทศเราไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เองประการหนึ่ง






สำหรับบรรยากาศที่ Starbuck ได้สร้างขึ้นมาใช้กับสาขาทั่วโลกให้มีภาพลักษณ์ใกล้เคียงหรือเหมือนกับพิมพ์เดียวกัน ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย จำเจ ไม่ว่าจะเป็นลำดับการพูดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เหมือนกันหมดราวกับหุ่นยนต์ ลำดับการเปิดเพลงที่ถูกจัดวางไว้ ทั้งสไตล์เพลงที่เปิดเหมือนๆกันทุกที่ หรือแม้แต่บรรยากาศการให้บริการของพนักงานที่ยุ่งจนไม่มีเวลาเสวนากับลูกค้า การเปลี่ยนมาใช้เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติ หรือแบบกดปุ่มแทนศิลปะการชงกาแฟแบบคลาสสิค ทำให้ขาดเสน่ห์ไปอย่างน่าเสียดายนั่นก็อีกประการหนึ่ง






แล้วสัจจธรรมหนึ่งที่ผู้เขียนพอจะสรุปเป็นประเด็นรวมๆได้ว่า เรื่องการให้บริการกาแฟนั้น กุญแจแห่งความสำเร็จ เห็นจะไม่พ้น เสาหลักสี่ต้น ที่คุณวุฒิพร ได้เคยเขียนไว้ใน http://vudh.wordpress.com/ เพื่อให้ได้เอสเปรสโซคุณภาพที่ดี ไม่ดูถูกลูกค้าหรือแอบคิดเองว่าลูกค้าไม่สามารถแยกได้เรื่องคุณภาพหรือรสชาติ , บรรยากาศร้านที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของร้านกาแฟที่อาจจะสนุกสนาน เนี๊ยบ เซอร์ แบบไหนสุดแล้วแต่ที่เป็นตัวตนของตัวเองนั้นสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณภาพในถ้วย ข้อนี้ผู้เขียนถามลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาเรื่องธุรกิจกาแฟทุกวัน ส่วนมากตอบไม่ถูกหรอกว่าตัวตนเราเป็นอย่างไรแน่ ทำให้ร้านดูคลุมเครือ ลูกค้าก็เลยงงๆผสมมาด้วย






ผู้เขียนเคยได้สนทนากับผู้บริหารบริษัทกาแฟเชนใหญ่แห่งหนึ่งมีสาขาเป็นร้อย ต้องการปรับปรุงธุรกิจ เริ่มประโยคด้วยว่า อยากให้กิจการดีขึ้นกว่าเดิม แต่ตอนนี้ตักกาแฟเม็ดใส่ถุงซิบไว้สำหรับ 1 ที่เพื่อควบคุมได้ง่าย ไม่ถูกพนักงานชงโกง แค่เริ่มแบบนี้เห็นว่าคงจะพัฒนายากเสียแล้ว ดังนั้นเอาความคลอนแคลนของคนอื่น พูดง่ายๆคือ นำความล้มเหลวของคนอื่นมาศึกษาเพื่อให้เราประสบความสำเร็จให้ได้ ใครมีความคิดเห็นอย่างไร แบ่งปันกันนะคะ






5 comments:

Anonymous said...

"ผู้เขียนนำความเห็นของหลายๆท่านมาเป็นแง่คิด วิเคราะห์เหตุของการถดถอยในครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการที่ผู้ดื่มนับวันได้รับรู้ ได้ลิ้มลอง กาแฟจากโรงคั่วเล็กๆที่มีคุณภาพที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแบรนด์ดังระดับโลก"

I think it has more to do with the economy and the pace of its expansion.

"ที่ เรารู้จักกันดีมาช้านาน อย่างอิลลี่ เช่น intelligentsia , coffeecollective, coffeebean& tealeave เป็น ต้น"

It's very interesting to see coffee bean & tea leave grouped with Intelli. I was not impressed last time I had its coffee in Singapore. I actually preferred Starbucks and Spinelli to Coffee Bean.

"ทำให้เริ่มรู้จัก แยกแยะสิ่งที่ตัวเองชอบ ชอบมากกว่า ชอบน้อยกว่า มีการเปรียบเทียบมากขึ้น เข้าใจกาแฟมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เริ่มปรากฏในประเทศเราไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เองประการหนึ่ง"

I think we should be much more passionate and proud of our produce. Hopefully, our coffee farmers increase their emphasis on quality than quantity too.

Anonymous said...

การเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดทั้งด้านบวก และลบน่าติดตามจริงๆครับ

http://ukcoffee.wordpress.com

Anonymous said...

Hi Khun Bob,
I agreed with you to be proud in our coffee. We're trying to do step by step but it's quite hard due to rare of pure strain coffee tree in each origin. Maybe next decade I hope...

Anonymous said...

ขอบคุณคุณนัฐพร ที่แวะเข้ามาเยี่ยมค่ะ แวะไปที่ uk แล้วมีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้กันนะคะ

Anonymous said...

Khun Nice, (I guess), I read from coffee review and found that Thai coffee is not bad, 90-93 points. Maybe not a decade. How about less than 5 yrs?