14.7.08

Fun competition latte art



ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมารู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายในชีวิตทั้งเรื่อง ข้าวยากหมากแพง อะไรต่อมิอะไร ทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออก เผอิญเพื่อนจากต่างแดนแวะมาเยี่ยม ด้วยความรู้สึกตึงเครียดกับภาระงานเช่นเดียวกัน จึงคิดเล่นอะไรที่คลายเครียดกัน วันนั้นเราคุยกันเรื่องการแข่งขันชิงแชมป์ลาเต้อาร์ตที่ โคเปนเฮเกน ซึ่งแชมป์ปีนี้ได้แก่ Con Haralambopoulos, Australia แต่ที่น่าประทับใจเห็นจะเป็น Kira Malchenko จาก RUSSIA ที่เทลาเต้อาร์ตสองมือเป็นที่ตื่นตาตื่นใจจนได้รองแชมป์ไปแล้ว กติกาที่ใช้แข่งกันคือ ผู้เข้าแข่งขันจากไทย และฮ่องกง ห้ามดูภาพใดๆของการแข่งขันให้จินตนาการเอาเองว่าเทอาร์ตสองมือมันควรจะเป็นหน้าตาอย่างไร
During the past few months, I'm quite bored with my life from (again) the world economy crisis and Thailand's politics. Last 2 weeks my friend from HongKong visit my office and we talked about "World Latte Art Championship 2008" Con Haralambopoulos from Australia. But the girl from Russia, Kira Malchenko, made us very impressed from her 2 hands rosetta. Yes, we suddenly have decided to have a fun competition with 2 hands by imagin.



ในรอบแรก มีผู้เข้าแข่งขันสามคนแบบสองรุมหนึ่ง คือบาริสต้านาง , ตัวข้าพเจ้าเอง (พี่ไนซ์) จากไทย และ เพื่อนข้าพเจ้า Felix จาก HongKong ผลรอบแรกของข้าพเจ้าสวยที่สุด (แบบประมาณฟลุค) ในรอบสองมีเพื่อนข้าพเจ้าขอแก้ตัวอีกครั้งปรากฏว่าสวยกว่ารอบแรกมาก ส่วนตัวแทนจากไทยพอใจแล้ว (ที่จริงกลัวรอบต่อไปมันจะแย่กว่าเดิม) หมายเหตุวีดีโอของบาริสต้าถูกเจ้าตัวขอร้องมิให้แพร่ภาพเกรงจะถูกลอกเลียนแบบ (ล้อเล่น)




In the first round I and my barista (Miss Nang) from Thailand and Mr. Felix from Hongkong. And the first round is me. Yeh!!! (I'm not dare to try again, perhaps it becomes more poor)











สองรอบผ่านไปขอตัดสินให้เพื่อนของข้าพเจ้าชนะเลิศ And the winner is Mr. Felix from HongKong












รางวัลของการแข่งขันในครั้งนี้คือรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ไม่มีการทะเลาะ ไม่มีค่าย ไม่มีกลุ่ม มีแต่คนรักกาแฟ บ้ากาแฟ และคุยเฉพาะเรื่องกาแฟ
บทความนี้ถึงจะไม่ได้ให้อะไรคนอ่านนัก แต่หวังใจว่าคงเป็นหนทางหนึ่งที่จะกระตุ้นให้คนเบื่อๆแบบข้าพเจ้าลุกขึ้นมาทำอะไรแบบฮาๆ ก็จะดีมิใช่น้อย





The reward of this competition is only smile , laughing... no arguement, no battle.... just talk about coffee and coffee. I wish my blog will let someone get start to do something fun as me but heal any bad situation to be better.





2.7.08

เมื่อพี่ใหญ่คลอนแคลน เราเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้าง

เมื่อเช้ารู้สึกตกใจกับข่าว พี่ใหญ่ Starbuck ประกาศปิดสาขาในประเทศสหรัฐไปทั้งสิ้น 600 สาขาจาก 7,100 สาขาจากทั่วโลก พนักงานไม่น้อยกว่า 12,000 คนต้องออกจากงาน ด้วยเหตุผล ที่ทุกคนในโลกใบเล็กนี้กำลังประสบอยู่คือน้ำมันแพง ค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายได้ลด เหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Starbuck ต้องปิดสาขาจริงหรือ ความเห็นของผู้คนจากทั่วโลก เมื่อ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา ค่อนข้างดุเดือด หลากหลาย






ผู้เขียนนำความเห็นของหลายๆท่านมาเป็นแง่คิด วิเคราะห์เหตุของการถดถอยในครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการที่ผู้ดื่มนับวันได้รับรู้ ได้ลิ้มลอง กาแฟจากโรงคั่วเล็กๆที่มีคุณภาพที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแบรนด์ดังระดับโลกที่เรารู้จักกันดีมาช้านาน อย่างอิลลี่ เช่น intelligentsia , coffeecollective, coffeebean& tealeave เป็นต้น ทำให้เริ่มรู้จัก แยกแยะสิ่งที่ตัวเองชอบ ชอบมากกว่า ชอบน้อยกว่า มีการเปรียบเทียบมากขึ้น เข้าใจกาแฟมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เริ่มปรากฏในประเทศเราไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เองประการหนึ่ง






สำหรับบรรยากาศที่ Starbuck ได้สร้างขึ้นมาใช้กับสาขาทั่วโลกให้มีภาพลักษณ์ใกล้เคียงหรือเหมือนกับพิมพ์เดียวกัน ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย จำเจ ไม่ว่าจะเป็นลำดับการพูดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เหมือนกันหมดราวกับหุ่นยนต์ ลำดับการเปิดเพลงที่ถูกจัดวางไว้ ทั้งสไตล์เพลงที่เปิดเหมือนๆกันทุกที่ หรือแม้แต่บรรยากาศการให้บริการของพนักงานที่ยุ่งจนไม่มีเวลาเสวนากับลูกค้า การเปลี่ยนมาใช้เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติ หรือแบบกดปุ่มแทนศิลปะการชงกาแฟแบบคลาสสิค ทำให้ขาดเสน่ห์ไปอย่างน่าเสียดายนั่นก็อีกประการหนึ่ง






แล้วสัจจธรรมหนึ่งที่ผู้เขียนพอจะสรุปเป็นประเด็นรวมๆได้ว่า เรื่องการให้บริการกาแฟนั้น กุญแจแห่งความสำเร็จ เห็นจะไม่พ้น เสาหลักสี่ต้น ที่คุณวุฒิพร ได้เคยเขียนไว้ใน http://vudh.wordpress.com/ เพื่อให้ได้เอสเปรสโซคุณภาพที่ดี ไม่ดูถูกลูกค้าหรือแอบคิดเองว่าลูกค้าไม่สามารถแยกได้เรื่องคุณภาพหรือรสชาติ , บรรยากาศร้านที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของร้านกาแฟที่อาจจะสนุกสนาน เนี๊ยบ เซอร์ แบบไหนสุดแล้วแต่ที่เป็นตัวตนของตัวเองนั้นสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณภาพในถ้วย ข้อนี้ผู้เขียนถามลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาเรื่องธุรกิจกาแฟทุกวัน ส่วนมากตอบไม่ถูกหรอกว่าตัวตนเราเป็นอย่างไรแน่ ทำให้ร้านดูคลุมเครือ ลูกค้าก็เลยงงๆผสมมาด้วย






ผู้เขียนเคยได้สนทนากับผู้บริหารบริษัทกาแฟเชนใหญ่แห่งหนึ่งมีสาขาเป็นร้อย ต้องการปรับปรุงธุรกิจ เริ่มประโยคด้วยว่า อยากให้กิจการดีขึ้นกว่าเดิม แต่ตอนนี้ตักกาแฟเม็ดใส่ถุงซิบไว้สำหรับ 1 ที่เพื่อควบคุมได้ง่าย ไม่ถูกพนักงานชงโกง แค่เริ่มแบบนี้เห็นว่าคงจะพัฒนายากเสียแล้ว ดังนั้นเอาความคลอนแคลนของคนอื่น พูดง่ายๆคือ นำความล้มเหลวของคนอื่นมาศึกษาเพื่อให้เราประสบความสำเร็จให้ได้ ใครมีความคิดเห็นอย่างไร แบ่งปันกันนะคะ